แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันฉุดโจทก์ร่วมที่ 3 จากรถยนต์ที่โจทก์ร่วมที่ 3 โดยสารอยู่ พาไปขึ้นรถยนต์ปิคอัพซึ่งเตรียมไว้ไปเพื่อการอนาจาร การกระทำผิดของจำเลยที่ 1หาได้สำเร็จเด็ดขาดเพียงพาโจทก์ร่วมที่ 3 ขึ้นรถยนต์ปิคอัพไม่แต่การพาโจทก์ร่วมที่ 3 ไปดังกล่าว ยังคงเป็นความผิดตลอดเวลาที่พาไป จำเลยที่ 2 ได้วิ่งออกมาจากบ้านพักยามชลประทานใกล้ที่เกิดเหตุ แล้วกระโดดขึ้นรถยนต์ปิคอัพไปกับจำเลยที่ 1 พาโจทก์ร่วมที่ 3 ไปที่บ้าน ม. น้องเขยจำเลยที่ 2 ระหว่างอยู่ที่บ้านม. จำเลยที่ 2 ร่วมเฝ้าโจทก์ร่วมที่ 3 มิให้ออกไปไหน เป็นการแบ่งหน้าที่กับจำเลยที่ 1 ทำตลอดเวลาที่พาโจทก์ร่วมที่ 3 ไปจำเลยที่ 2 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 284,83
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายฉุดพานางสาวทองแพรวผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร จำเลยที่ 1 ได้ใช้อาวุธปืนยิงนางสัมฤทธิ์โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกที่แขนซ้าย และถูกนางพเยาว์ที่ขาซ้ายและขาขวาเป็นบาดแผล จำเลยที่ 1 กระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะกระสุนปืนถูกอวัยวะที่ไม่สำคัญ บุคคลทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284, 288, 80, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
นางสัมฤทธิ์ นางพเยาว์ และผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ต่อมานางพเยาว์ขอถอนคำร้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 284, 300 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 ข้อหาพาหญิงไปเพื่อการอนาจารจำคุก 3 ปี ลดโทษตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุก 1 ปี 6 เดือน ข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสจำคุก 1 ปี 6 เดือน ลดโทษตามมาตรา 78 หนึ่งในสามจำคุก 1 ปี ข้อหามีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายจำคุก 1 ปี ลดโทษตามมาตรา 78 หนึ่งในสามจำคุก 8 เดือน รวมลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 2 เดือน ข้อหาอื่นและฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามฟ้อง
โจทก์ร่วมที่ 1 ที่ 3 อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามฟ้อง และไม่ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กับขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 จำคุก 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 กับพวกได้ร่วมกันฉุดโจทก์ร่วมที่ 3 จากรถยนต์ที่โจทก์ร่วมที่ 3 โดยสารอยู่ พาไปขึ้นรถยนต์ปิคอัพซึ่งเตรียมเอาไว้ไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย จำเลยที่ 2 ได้วิ่งออกมาจากบ้านพักยามชลประทานใกล้ที่เกิดเหตุ แล้วกระโดดขึ้นรถยนต์ปิคอัพพาโจทก์ร่วมที่ 3 หลบหนีไปพร้อมกับจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงชี้ชัดแล้วว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกพาโจทก์ร่วมที่ 3 หลบหนี การกระทำผิดของจำเลยที่ 1 หาได้สำเร็จเด็ดขาดเพียงพาโจทก์ร่วมที่ 3 ขึ้นรถยนต์ปิคอัพไม่ แต่การหาโจทก์ร่วมที่ 3 ไปดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตลอดเวลาที่พาไปและการพาโจทก์ร่วมที่ 3 ไปที่บ้านนายมะลิก็เนื่องจากเป็นน้องเขยจำเลยที่ 2 นั่นเองเมื่อถึงบ้านนายมะลิจำเลยที่ 2 ก็ร่วมกับจำเลยที่ 1 นั่งเฝ้าโจทก์ร่วมที่ 3 ไม่ให้ออกไปไหนแสดงว่าจำเลยที่ 2 ได้แบ่งหน้าที่กับจำเลยที่ 1 ทำตลอดเวลาที่พาโจทก์ร่วมที่ 3 ไป จนกระทั่งจำเลยทั้งสองถูกตำรวจจับกุมตัวได้ที่บ้านนายมะลิ จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดตามฟ้องโจทก์ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
พิพากษายืน