คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2526/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การตกลงโอนข้าราชการหรือลูกจ้างของกระทรวงกลาโหมไปเป็นลูกจ้างของการท่าอากาศยานจำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นเรื่องระหว่างข้าราชการหรือลูกจ้างนั้น ๆ กับกระทรวงกลาโหมและจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะ ไม่มีผลเกี่ยวกับการที่โจทก์จะเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 หรือไม่ส่วนการที่โจทก์ทำงานให้แก่จำเลยที่ 1 นั้น เมื่อโจทก์มิได้โอนไปเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ก็เป็นการทำในฐานะเป็นหน้าที่ราชการของโจทก์เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ตกลงทำการงานให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ตกลงจะจ่ายสินจ้างให้โจทก์ สัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงหาได้เกิดขึ้นโดยปริยายไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ก่อนหน้าที่จำเลยที่ 1 จะมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการท่าอากาศยาน ฯ โจทก์ทั้งหมดได้ปฏิบัติงานในฐานะพนักงานลูกจ้างของจำเลยที่ 1 อยู่ก่อน และได้ปฏิบัติงานเรื่อยมาหลังจากนั้น ต่อมาจำเลยที่ 1 กับผู้บัญชาการทหารอากาศซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการท่าอากาศยานร่วมกันสั่งให้โจทก์ทั้งหมดไปปฏิบัติงานให้แก่จำเลยที่ 1 ณ กองทัพอากาศ จำเลยจงใจละเว้นไม่จ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส รายได้และประโยชน์ต่าง ๆ แก่โจทก์ทั้งหมดตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยบรรจุโจทก์ทั้งหมดดำรงตำแหน่งหน้าที่ในกิจการของจำเลยที่ 1

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่เคยรับโจทก์เป็นลูกจ้างประจำโจทก์ทุกคนเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพอากาศ ไม่อาจทำงานและรับเงินเดือนพร้อมกันสองแห่งในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของโจทก์และผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยไม่เคยตกลงให้โจทก์โอนเป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 กิจการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายแรงงานสัมพันธ์

ศาลแรงงานกลางฟังว่า โจทก์ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การตกลงโอนข้าราชการหรือลูกจ้างอื่นของกระทรวงกลาโหมไปเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องระหว่างข้าราชการหรือลูกจ้างนั้น ๆ กับกระทรวงกลาโหมและจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะ ไม่มีผลเกี่ยวกับการที่โจทก์จะเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 หรือไม่แต่อย่างใด ส่วนการที่โจทก์ทำงานให้จำเลยที่ 1 นั้น เมื่อโจทก์มิได้โอนไปเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ก็เป็นการทำในฐานะเป็นหน้าที่ราชการของโจทก์เท่านั้น ไม่พอให้ตีความความประสงค์ของโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ว่า โจทก์ตกลงทำการงานให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ตกลงจะจ่ายสินจ้างให้โจทก์ สัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงหาได้เกิดขึ้นโดยปริยายไม่

การที่กองทัพอากาศมีคำสั่งให้โอนโจทก์บางคนซึ่งเป็นข้าราชการกองทัพอากาศให้แก่จำเลยที่ 1 ต่อมากองทัพอากาศระงับการโอนโจทก์บางคน ดังนั้น การโอนดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ เพราะเมื่อมีเหตุสมควรผู้มีอำนาจออกคำสั่งให้โอนจึงมีอำนาจที่จะให้ระงับการโอนเสียได้ เมื่อได้ระงับการโอนเสียแล้วโจทก์ดังกล่าวจึงยังคงเป็นข้าราชการในกองทัพอากาศต่อไป หาใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ไม่

พิพากษายืน

Share