คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของจำเลยถูกศาลยึดมาขายทอดตลาดโจทก์เป็นผู้ซื้อได้และได้รับมอบที่ดินแล้ว จำเลยขัดขวางไม่ให้โจทก์เข้าครอบครองแสดงออกซึ่งการแย่งการครอบครองตลอดมา โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ภายหลังที่จำเลยแย่งการครอบครองมาเกิน 1 ปีแล้ว แม้ศาลจะได้มีหนังสือสั่งให้อำเภอทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนที่ดินนี้ให้โจทก์ และนับแต่วันที่อำเภอจดทะเบียนโอนให้จนถึงวันฟ้องจะยังไม่เกิน 1 ปีก็ตาม
การครอบครองของจำเลยหลังจากจำเลยได้สิทธิครอบครองมาโดยการแย่งครอบครองจากโจทก์นั้น ไม่นับว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์เรียกค่าเสียหายสำหรับระยะเวลานี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ศาลออกหมายบังคับคดียึดที่นาของจำเลย 2 แปลงที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ขายทอดตลาด โจทก์เป็นผู้ซื้อได้ ศาลสั่งให้อำเภอนางรองทำนิติกรรมการซื้อขายจดทะเบียนโอนให้โจทก์อำเภอทำนิติกรรมจดทะเบียนให้โจทก์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2509โจทก์ได้รับโอนตามกฎหมายแล้วก็จะเข้าครอบครองทำประโยชน์ จำเลยไม่ยอม กลับเข้ายึดถือครอบครองทำนาและขัดขวางโจทก์ โจทก์เข้าครอบครองทำนาได้เพียง 10 ไร่เท่านั้น นอกนั้นจำเลยขัดขวางไว้ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารห้ามเกี่ยวข้องและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า ไม่เคยทราบคำบังคับของศาล ไม่ทราบว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อนาพิพาทได้ ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์รับซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2507 ได้ไปจดทะเบียนสิทธิและทำนิติกรรมโอนเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2509 พ้นกำหนด 1 ปีแล้วและโจทก์มิได้ใช้สิทธิเข้าครอบครองที่พิพาทเลยปล่อยให้จำเลยครอบครองทำกินอย่างเดิมตลอดมาตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2507 ถึง 27 พฤษภาคม 2509 หรือจนบัดนี้ก็เกินกว่า 1 ปีแล้ว ที่พิพาทจึงเข้าสู่สภาพเดิมเป็นของจำเลยตามกฎหมาย จำเลยมิได้ละเมิดสิทธิของโจทก์ ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย

ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์เพิ่งมาฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยแย่งสิทธิเข้าครอบครองนาพิพาทมาเกินกว่า 1 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 จึงไม่เป็นการละเมิด พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่นาพิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โจทก์ซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล และปรากฏว่า เมื่อโจทก์ซื้อที่พิพาทได้แล้ว โจทก์ได้รีบไปบอกจำเลยให้ไปหาที่ทำกินใหม่ จำเลยพูดขู่ว่าถ้าใครเข้าไปทำนานี้จะยิงให้ตาย แสดงว่าโจทก์ได้รับมอบที่พิพาทจากการขายทอดตลาดไปโดยชอบแล้ว แต่โจทก์หาได้เข้าครอบครองที่พิพาทนั้นไม่ คงปล่อยให้จำเลยครอบครองอยู่ และจำเลยได้ขัดขวางแสดงออกซึ่งการแย่งการครอบครองที่พิพาทตลอดมา โจทก์เพิ่งฟ้องคดีนี้เป็นเวลาเกิน1 ปี นับแต่เมื่อโจทก์ได้รับมอบที่พิพาทจากการขายทอดตลาด และถูกจำเลยแย่งการครอบครอง ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ที่พิพาทตกเป็นสิทธิของจำเลยแล้ว โจทก์จึงฟ้องขับไล่ไม่ได้

ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชดใช้ที่ไม่ได้ทำนาพิพาทในปี พ.ศ. 2509 นั้น ในปี 2509 นั้นโจทก์ขาดสิทธิครอบครองแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายไม่ได้

พิพากษายืน

Share