คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายเข้าไปในร้านของจำเลยแล้วขอเช็คดูเพื่อชำระเงินสดให้เมื่อจำเลยส่งเช็คให้ผู้ตาย ๆ กลับฉีกเช็คนั้นทันที ครั้นจำเลยเข้าแย่งเพื่อจะเอาเช็คนั้นกลับคืน ผู้ตายยังด่าจำเลยอีก จำเลยโมโหจึงได้หยิบมีดที่อยู่ใกล้มือแทงผู้ตายไป ถูกผู้ตายเป็นบาดแผล 3 แผลถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการบันดาลโทสะฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และริบของกลาง

จำเลยให้การรับว่า แทงผู้ตายตายจริง แต่กระทำเพื่อป้องกันทรัพย์และชีวิตและบันดาลโทสะ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72วางโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน ลดตามมาตรา 78 ให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 5 ปี มีดของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายขณะผู้ตายใช้มือรัดคอจำเลยจนจำเลยหายใจไม่ออกเพื่อให้ปล่อยมือที่รัดคอจำเลย เป็นการกระทำเพื่อแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า จำเลยมิได้มีเจตนาฆ่าผู้ตาย เหตุที่มีดไปถูกที่สำคัญเข้าเป็นการบังเอิญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์ คืนมีดของกลาง

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยควรมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาแต่กระทำไปด้วยบันดาลโทสะ

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยแทงทำร้ายผู้ตายในขณะผู้ตายรัดคอจำเลยจนหายใจไม่ออก แต่เชื่อตามคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนว่า เหตุที่จำเลยจะแทงผู้ตายนั้น ก็เพราะเมื่อจำเลยหยิบเช็คในลิ้นชักโต๊ะเอาส่งให้ผู้ตายรับไปแล้ว ผู้ตายได้ฉีกเช็คนั้นทันที ครั้นจำเลยเข้าแย่งเพื่อจะเอาเช็คนั้นกลับคืน ผู้ตายยังด่าจำเลยอีก จำเลยโมโหอย่างแรง จึงได้หยิบมีดที่อยู่ใกล้มือแทงผู้ตายไป ดังนี้ การที่จำเลยแทงทำร้ายผู้ตาย จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะดุจดังศาลชั้นต้นวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนเองพอสมควรแก่เหตุ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลนี้ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ริบมีดของกลาง

Share