แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยกับพวกดักยิงผู้ตายกับผู้เสียหายมาก่อน เมื่อผู้ตายกับผู้เสียหายหนีเสียทัน จำเลยทั้งสองกับพวกยังไม่ลดละตามมายิงผู้ตายกับผู้เสียหายถึงบนบ้านเรือนยิงแล้วยังเอาเชือกมัดข้อมือผู้ตายช่วยกันหามไปทิ้งในป่า พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าเป็นเพียงจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายกับผู้ตายให้ตายไปเท่านั้น การหามผู้ตายไปทิ้งเป็นการต้องการแต่จะซ่อนเร้นปิดบังการกระทำความผิดเมื่อการฆ่าไม่ปรากฏการกระทำอย่างใดเป็นพิเศษอันแสดงให้เห็นว่าผู้ฆ่าประสงค์จะให้ผู้ตายได้รับความลำบากสาหัสก่อนตายแล้วกรณีย่อมไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2510 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 2 กับพวกได้ร่วมกันใช้ปืนยิงนายไหม แผลงสุระ และนายยุทธ วุทธวงศ์ ด้วยเจตนาฆ่า โดยกระทำทารุณโหดร้าย โดยยิงบุคคลทั้งสองดังกล่าวในระหว่างทางและตายไปยิงถึงบนบ้านแล้วลักพาศพนายไหมผู้ตายไปซุกซ่อนในป่า นายยุทธถูกกระสุนปืนเป็นอันตรายแก่กาย นายไหมถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ตำบลปริกอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (5), 80 และ 83 ริบของกลางและนับโทษจำเลยที่ 2 ติดต่อกับโทษในคดีอาญาแดงที่ 572/2511
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 รับเป็นคน ๆ เดียวกับจำเลยในคดีอาญาแดงที่ 572/2511
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เชื่อว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดแต่การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นการฆ่าโดยกระทำทารุณโหดร้ายพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 และฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนาตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80, 83 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288,83 อันเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิตไม่นับโทษต่อให้ ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 289 (5) โดยให้ประหารชีวิต
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง หรือลดหย่อนโทษ จำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายไหมถึงตาย นายยุทธเกิดอันตรายแก่กายจริง
ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5)หรือไม่เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าในขั้นแรกจำเลยทั้งสองกับพวกดักยิงนายยุทธผู้เสียหายและผู้ตายมาก่อน เมื่อผู้ถูกยิงหนีเสียทัน จำเลยทั้งสองกับพวกยังไม่ลดละตามมายิงผู้เสียหายและผู้ตายถึงบนเรือนพ่อตาผู้เสียหายในวันทำบุญเดือน 10 อันเป็นประเพณีของชาวปักษ์ใต้ ยิงแล้วยังเอาเชือกมัดข้อมือผู้ตายช่วยกันหามไปทิ้งในป่าก็ตาม พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าเป็นเพียงจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาฆ่านายยุทธผู้เสียหายและนายไหมผู้ตายให้ตายไปเท่านั้น ส่วนการที่จำเลยทั้งสองกับพวกช่วยกันหามผู้ตายไปทิ้งนั้น เห็นว่าต้องการแต่จะซ่อนเร้นปิดบังการกระทำผิดของตนเท่านั้น เมื่อการฆ่าไม่ปรากฏการกระทำอย่างใดเป็นพิเศษอันแสดงให้เห็นว่าผู้ฆ่าประสงค์จะให้ผู้ตายได้รับความลำบากสาหัสก่อนตายแล้ว กรณีย่อมไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5) แต่อย่างใด
พิพากษายืน