คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สัญญาจะซื้อขายที่ดินมีข้อความชัดเจนว่า ผู้ขายได้รับเงินราคาที่ดินไปครบถ้วนแล้วก็ดี แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายรับกันว่า ความจริงเงินราคาที่ดินยังไม่ถึงมือผู้ขาย โดยผู้ซื้อนำไปมอบไว้แก่เจ้าอาวาสวัดหนึ่งไว้ โดยผู้ซื้ออ้างว่าผู้ขายตกลงให้ไปมอบแต่ผู้ขายปฏิเสธว่าไม่ได้ตกลงให้ไปมอบเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องสืบพยานกันว่าความจริงเป็นอย่างไร ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 เพราะเป็นการสืบหักล้างข้อความในสัญญาไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแก้ไข

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะซื้อที่สวนของโจทก์แปลงหนึ่งเป็นเงิน ๓๐๐ บาท แต่จำเลยมิได้นำเงินชำระให้โจทกในทันใดนั้นไม่ กลับหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามสัญญา จึงขอให้ศาลสั่งทำลายนิติกรรมฉะบับนั้นเสีย
จำเลยต่อสู้ว่า ได้ชำระราคาที่ดินให้โจทก์แล้ว โดยโจทก์ใช้นำเงินไปมอบเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีมหาโพธิ โจทก์ปิดพลิ้วไม้โอนที่ดินให้จำเลย จึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์ทำนิติกรรมโอนขายที่ดินให้จำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามสัญญาจะซื้อขายมีข้อความชัดเจนว่าโจทก์ได้รับเงินค่าที่ดินไปครบถ้วนในวันทำสัญญาแล้วจะขอสืบว่ายังไม่ได้รับเงินไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เป็นที่รับกันว่าเงินอยู่ที่เจ้าอธิการวัดโพธิ์ศรีมหาโพธิ หาได้อยู่ที่โจทก์ไม่ จำเลยอ้างว่าที่มอบเงินให้เจ้าอาวาสเพราะโจทก์จำเลยตกลงกันมอบไว้เพื่อทำศพนางแพงมารดาโจทก์ แต่โจทก์เถียงว่าโจทก์มิได้ตกลงด้วย และโจทก์ขอรับเงินจากเจ้าอาวาส ๆ ไม่ยอมจ่ายให้โดยอ้างว่าจำเลยไม่ให้จ่าย จึงต้องสืบให้ได้ความประจักษ์ว่าฝ่ายใดถูกส่งให้จ่าย จึงต้องสืบให้ได้ความประจักษ์ว่าฝ่ายใดถูกฝ่ายใดผิด จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ตามข้อความที่ปรากฎในหนังสือสัญญามีชัดเจนว่า โจทก์ได้รับเงินราคาที่ดินไปครบถ้วนแล้วก็ดี แต่ก็เป็นที่รับกันทั้งสองฝ่ายว่าความจริงเงินราคาที่ดินยังไม่ถึงมือโจทก์ โดยจำเลยนำไปมอบแก่เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ ซึ่งต่างโต้เถียงว่า โจทก์ตกลงให้จำเลยทำเช่นนั้นหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องฟังคำพยานทั้งสองฝ่ายก่อน เพราะโจทก์ขอสืบหักล้างข้อความในสัญญา ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแก้ไข ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๙๔
จึงพิพากษายืน

Share