คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2575/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยต้องขังคดีนี้นับแต่วันที่ 22 มีนาคม 2539 แม้คำพิพากษาคดีนี้จะให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาก่อน แต่เมื่อระหว่างพิจารณาจำเลยต้องขังคดีนี้ซ้ำซ้อนกับ คดีอาญาก่อน และต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องคดีอาญา ในคดีก่อน ต้องถือว่าจำเลยต้องขังคดีนี้ตลอดมาตั้งแต่ต้นจึงต้องหักวันต้องขังระหว่างอุทธรณ์ฎีกาที่ซ้ำซ้อนให้จำเลยด้วย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 76 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 10 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปีให้บวกโทษจำคุก1 ปี ที่รอไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 1516/2538 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษในคดีนี้รวมจำคุก 6 ปี และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขแดงที่ 4726/2539 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าคดีหมายเลขแดงที่ 4726/2539 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงขอให้ศาลชั้นต้นนับโทษคดีนี้ใหม่ โดยให้นับตั้งแต่วันที่จำเลยกระทำความผิดเป็นต้นไป

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยถูกจำคุกในคดีหมายเลขแดงที่ 4726/2539 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี หลังจากมีคำพิพากษาในคดีนี้ จึงไม่อาจนับวันต้องขังในคดีดังกล่าวมาหักออกจากโทษจำคุกในคดีนี้ได้ แต่ให้แก้ไขหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดใหม่โดยให้เริ่มนับโทษจำคุกตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2541 ซึ่งเป็นวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีหมายเลขแดงที่ 4726/2539 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ให้คู่ความฟัง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยถูกจับและต้องขังมาตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2539 แม้ระหว่างพิจารณาจำเลยจะต้องคำพิพากษาในคดีอื่นให้จำคุก แต่ในที่สุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นไม่หักวันต้องขังซ้ำซ้อนระหว่างพิจารณาคดีอื่นให้จำเลยเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยต้องขังคดีนี้นับตั้งแต่วันที่ 22มีนาคม 2539 แม้คำพิพากษาคดีนี้จะให้นับโทษจำเลย ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4726/2539 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรีก็ตามแต่เมื่อระหว่างพิจารณาจำเลยต้องขังคดีนี้ซ้ำซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ 4726/2539 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี และต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง จึงต้องถือว่าจำเลยต้องขังคดีนี้ตลอดมาตั้งแต่ต้นที่ศาลล่างทั้งสองไม่หักวันต้องขังระหว่างอุทธรณ์ฎีกาที่ซ้ำซ้อนให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษากลับว่า ให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2539 เป็นต้นไป เมื่อครบกำหนดโทษที่แจ้งในหมาย ให้ปล่อยตัวจำเลยไปทันที

Share