คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าครองชีพที่จำเลยจ่ายให้แก่พนักงานของจำเลยมีจำนวนแน่นอนและจ่ายให้เป็นประจำ เป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงาน จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างและเมื่อรวมกับค่าจ้างบางอัตราที่จำเลยจ่ายให้แก่พนักงานของจำเลยแล้ว มิได้ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศกระทรวงมหาดไทย จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจ่ายค่าจ้างให้พนักงานของจำเลยต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) ลงวันที่ 1 กันยายน2523

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 จำเลยเป็นองค์การรัฐวิสาหกิจ เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. 2501 และเป็นนายจ้างของพนักงานการไฟฟ้านครหลวงและสมาชิกของโจทก์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2523 กระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่กรุงเทพมหานครเป็นวันละ 54 บาทและให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2523 เป็นต้นไป อัตราค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าวเมื่อคิดคำนวณเป็นเดือนแล้วจะเท่ากับเดือนละ 1,620 บาท แต่จำเลยซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครยังคงจ่ายเงินเดือนให้แก่สมาชิกโจทก์และพนักงานการไฟฟ้านครหลวงในอัตราขั้นต่ำเดือนละ 1,350 บาทเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ขอให้ศาลบังคับจำเลยปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) โดยจ่ายอัตราเงินเดือนแก่สมาชิกโจทก์และพนักงานของจำเลยเท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเดือนละ 1,620 บาท และจ่ายจำนวนเงินที่ยังขาดอยู่ให้แก่สมาชิกโจทก์และพนักงานของจำเลยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2523 เป็นต้นไป

จำเลยให้การว่า ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ(ฉบับที่ 10) หมายถึงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน มิได้หมายรวมถึงค่าจ้างขั้นต่ำรายเดือนโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำโดยคำนวณเป็นรายเดือนอย่างไรก็ตามจำเลยได้จ่ายค่าครองชีพให้แก่พนักงานขั้นต่ำเดือนละ 400 บาทซึ่งเมื่อรวมกับเงินเดือนตามฟ้องโจทก์แล้วเป็นจำนวนมากกว่าที่โจทก์ฟ้องจำเลยจ่ายค่าจ้างให้พนักงานของจำเลยโดยกำหนดอัตราค่าจ้างเป็นรายเดือนตามที่กระทรวงการคลังอนุมัติจึงเป็นการถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง

วันนัดพิจารณาโจทก์จำเลยแถลงรับกันว่า ในขณะใช้บังคับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ฉบับที่ 10 ให้ลูกจ้างได้ค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 54 บาท จำเลยยังคงจ่ายค่าจ้างให้แก่พนักงานของจำเลยไม่ถึงเดือนละ 1,620 บาท อยู่ 3 อัตราคือ 1,350 บาท, 1,450 บาท และ 1,570 บาท โดยจำเลยถือว่าเป็นลูกจ้างรายเดือนไม่อยู่ในบังคับของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำและพนักงานที่ได้รับค่าจ้างใน 3 อัตรานี้ยังได้รับค่าครองชีพอีกคนละ 400 บาทต่อเดือนเท่ากัน โจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานของจำเลยต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ 3 อัตราคือ 1,350 บาท, 1,450 บาท และ1,570 บาท แต่พนักงานของจำเลยทุกคนก็ได้รับค่าครองชีพจากจำเลยเดือนละ400 บาทเท่ากัน ซึ่งค่าครองชีพก็คือค่าจ้าง เมื่อรวมกันแล้วพนักงานดังกล่าวได้รับค่าจ้างเดือนละ 1,750 บาท, 1,850 บาท และ 1,970 บาท จำเลยจึงมิได้จ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของจำเลยต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าค่าครองชีพที่จำเลยจ่ายให้แก่พนักงานของจำเลยเป็นการจ่ายให้เป็นประจำและมีจำนวนแน่นอนถึงแม้สาเหตุแห่งการจ่ายและวิธีการจ่ายจะสืบเนื่องจากค่าครองชีพระหว่างปี พ.ศ. 2523 เพิ่มขึ้นและจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2524 โจทก์สมาชิกของโจทก์และพนักงานของจำเลยประสบปัญหาเรื่องปากท้องไม่พอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงได้ร้องเรียนให้คณะรัฐมนตรีปรับปรุงโครงสร้างของเงินเดือนเสียใหม่ แต่เนื่องจากกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานรัฐวิสาหกิจโดยตรงไม่สามารถปรับปรุงโครงสร้างเรื่องเงินเดือนให้ทันได้ กระทรวงมหาดไทยจึงได้นำเรื่องการจ่ายค่าครองชีพเพื่อช่วยเหลือพนักงานรัฐวิสาหกิจเป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะมีการประกาศเรื่องโครงสร้างของเงินเดือนเสร็จสิ้นและประกาศใช้ในภายหลังโดยให้ค่าครองชีพคนละ 400 บาทต่อเดือน เฉพาะพนักงานและลูกจ้างประจำของรัฐวิสาหกิจที่มีค่าจ้างเงินเดือนเท่ากับหรือต่ำกว่า 3,030 บาท และเดือนละ 300 บาทสำหรับพนักงานและลูกจ้างประจำของรัฐวิสาหกิจที่มีค่าจ้างเงินเดือนกว่า 3,030 บาท แต่ไม่เกิน 5,650 บาทก็ตาม ก็แสดงว่าค่าจ้างหรือเงินเดือนเดิมไม่ได้ส่วนกับภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น จึงต้องจ่ายค่าครองชีพเพิ่มเติมให้ ซึ่งแม้จะเป็นในระยะที่ยังปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนไม่ทัน ก็ยังถือได้ว่าค่าครองชีพที่จำเลยจ่ายให้แก่พนักงานของจำเลยในระยะเวลาดังกล่าวแล้วเป็นการตอบแทนการทำงานของพนักงานเช่นกัน จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างและปรากฏว่าพนักงานของจำเลยที่ได้รับค่าจ้างไม่ถึงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำคือ 1,620 บาท มีอยู่ 3 อัตราคือ1,350 บาท 1,450 บาท และ 1,570 บาท แต่เมื่อรวมกับค่าครองชีพซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างด้วยแล้วจะเป็นเดือนละ 1,750 บาท 1,850 บาท และ 1,970 บาท ซึ่งมิได้ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) แต่อย่างใด

พิพากษายืน

Share