คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้าแย่งพวงมาลัยจากนางสาว ป.ซึ่งกำลังขับรถอยู่และเร่งความเร็ว เป็นเหตุให้รถแล่นเข้าชนมุมตึกแถว แล้วจำเลยหักหลบไปยังฝั่งตรงข้าม แล่นเข้าชนคนและทรัพย์สินของผู้อื่น แม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจะได้ความว่านางสาว ป. ผู้ขับรถเป็นผู้เร่งความเร็ว จำเลยเพียงแต่ช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็ยังถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง
จำเลยยินยอมให้ ป. ซึ่งมิได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์แทนจำเลยโดยจำเลยนั่งอยู่ด้วย ถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง รถยนต์แล่นเฉี่ยวมุมตึกที่มุมถนนอย่างแรง เพราะ ป. ขับรถจะเลี้ยวแต่กะระยะไม่ถูกจำเลยจึงช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป เป็นเหตุให้รถพุ่งออกไปยังฝั่งตรงข้ามและชนผู้อื่นถึงแก่ความตายดังนี้ การที่จำเลยช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็เนื่องจาก ป. ขับรถเฉี่ยวตึกมุมถนนเพราะไม่สามารถควบคุมได้ บุคคลที่ขับรถยนต์ได้และอยู่ในภาวะเช่นจำเลยย่อมจะต้องเข้าช่วยเหลือ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจึงถือไม่ได้ว่าเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งมิได้รับใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ ได้ขับขี่รถยนต์กระบะเข้าไปในซอยโดยมีนางสาวปริยมิตรนั่งคู่ไป ใกล้จะถึงที่เกิดเหตุนางสาวปริยมิตรซึ่งมิได้รับใบอนุญาตให้ขับขี่ขอขับรถยนต์ จำเลยยินยอมให้ขับ ถึงที่เกิดเหตุเป็นทางเลี้ยวโค้ง จำเลยเข้าแย่งพวงมาลัยจากนางสาวปริยมิตรและเร่งความเร็ว เป็นเหตุให้รถยนต์แล่นเข้าชนมุมตึกแถว แล้วจำเลยหักกลบไปยังฝั่งตรงข้าม แล่นเข้าชนเด็กชายอรรถเมธจนถึงแก่ความตาย เด็กชายอาทรและเด็กชายบุญทิ้งได้รับอันตรายแก่กาย ทั้งนี้โดยจำเลยได้กระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29, 66 พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 7, 13 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 11

นางยุพาพินมารดาของเด็กชายอรรถเมธผู้ตายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วม

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29, 66 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 7, 13 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 59 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 11 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะที่นางสาวปริยมิตรขับรถจะเลี้ยวนางสาวปริยมิตรกะระยะไม่ถูก รถเฉี่ยวตึกซึ่งตั้งอยู่ที่มุมถนน จำเลยจึงช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป เป็นเหตุให้รถชนเด็กชายอรรถเมธถึงแก่ความตายเด็กชายอาทรและเด็กชายบุญทิ้งหรือขวัญได้รับอันตรายแก่กายบ้านและทรัพย์สินของนางปรุงจิตต์ได้รับความเสียหาย โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้าแย่งพวงมาลัยจากนางสาวปริยมิตรและเร่งความเร็ว เป็นเหตุให้รถแล่นเข้าชนมุมตึกแถว แล้วจำเลยหักหลบไปยังฝั่งตรงข้ามแล่นเข้าชนคนและทรัพย์สินของผู้อื่น แม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจะได้ความว่านางสาวปริยมิตรผู้ขับรถเป็นผู้เร่งความเร็ว จำเลยเพียงแต่ช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็ยังถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง อย่างไรก็ดีศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไปก็เนื่องจากนางสาวปริยมิตรขับรถเฉี่ยวตึกมุมถนน บุคคลที่ขับรถยนต์ได้และอยู่ในภาวะเช่นจำเลย เมื่อเห็นว่าผู้ขับไม่สามารถควบคุมได้และจะเกิดเหตุเช่นนั้นย่อมจะต้องเข้าช่วยเหลือ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจึงถือไม่ได้ว่าเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share