คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า จำเลยนำความเท็จมากล่าวหลอกลวงแก่ประชาชนและโจทก์ โดยจำเลยจัดพิมพ์หนังสือบันทึกเหตุการณ์เขมรฆ่าโหดคนไทย 30 ศพการจำหน่ายหนังสือดังกล่าวจำเลยโฆษณาแก่ประชาชนและโจทก์ว่า จำเลยจะนำเงินรายได้ไปช่วยซื้ออาวุธให้ราษฎรชายแดนคุ้มครองหมู่บ้าน เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อตกลงซื้อหนังสือดังกล่าว 2 เล่ม เป็นเงิน40 บาท จำเลยจำหน่ายหนังสือดังกล่าวได้เงิน 200,000บาท จำเลยได้รับเงินค่าหนังสือจากโจทก์แล้วกลับนำเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวและผู้อื่น ไม่นำไปซื้ออาวุธเพื่อแจกจ่ายราษฎรชายแดน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนี้ ข้อความที่ปรากฏในฟ้องแสดงเพียงว่าจำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้นการไม่ทำตามรับดังที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในฟ้องจะมีคำว่าจำเลยนำความเท็จมากล่าวหลอกลวงแก่ประชาชนและโจทก์ แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่าไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 – 20 มีนาคม 2523 เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกัน จำเลยได้นำความเท็จมากล่าวหลอกลวงแก่ประชาชนและโจทก์ โดยจำเลยจัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือบันทึกภาพเหตุการณ์เขมรฆ่าโหดคนไทย 30 ศพ จำนวน 10,000 เล่ม ได้รับเงินจากการจำหน่าย200,000 บาท ในการจำหน่ายหนังสือดังกล่าวจำเลยได้โฆษณาประกาศกับประชาชนและโจทก์กับได้โฆษณาไว้ในหนังสือว่า จำเลยจะนำเงินรายได้จากการจำหน่ายหนังสือทั้งหมดไปช่วยซื้ออาวุธให้ราษฎรชายแดนคุ้มครองหมู่บ้านอำเภออรัญประเทศเป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อ โจทก์ต้องการช่วยเหลือราษฎรชายแดนอำเภออรัญประเทศให้ได้มีอาวุธปืนไว้ป้องกันตัวและทรัพย์สินจากการละเมิดของเขมรจึงซื้อหนังสือดังกล่าวไว้สองเล่มเป็นเงิน 40 บาทนับแต่จำเลยได้รับเงินค่าหนังสือจากโจทก์แล้ว จำเลยกลับนำเงินรายได้จากการจำหน่ายหนังสือดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวหรือผู้อื่นไม่นำเงินไปซื้ออาวุธเพื่อแจกจ่ายให้ราษฎรชายแดนอำเภออรัญประเทศไว้ป้องกันการละเมิดของเขมร เหตุเกิดที่ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรีขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่าจำเลยนำความเท็จมากล่าวหลอกลวงแก่ประชาชนและโจทก์ โจทก์จำเลยจัดพิมพ์หนังสือและจำหน่ายหนังสือบันทึกเหตุการณ์เขมรฆ่าโหดคนไทย 30 ศพ การจำหน่ายหนังสือดังกล่าว จำเลยโฆษณาแก่ประชาชนและโจทก์ว่า จำเลยจะนำเงินรายได้จากการจำหน่ายหนังสือดังกล่าวไปช่วยซื้ออาวุธให้ราษฎรชายแดนคุ้มครองหมู่บ้าน เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อตกลงซื้อหนังสือดังกล่าว 2 เล่มเป็นเงิน 40 บาท จำเลยขายหนังสือดังกล่าวจำนวน 10,000 เล่ม ได้เงิน200,000 บาท จำเลยได้รับเงินค่าหนังสือจากโจทก์แล้ว จำเลยกลับนำเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวและผู้อื่น ไม่นำไปซื้ออาวุธเพื่อแจกจ่ายให้ราษฎรชายแดนนั้น เห็นว่าข้อความตามที่ปรากฏในฟ้องแสดงเพียงว่าจำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้น การไม่ทำตามรับดังที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในฟ้องจะมีคำว่าจำเลยนำความเท็จมากล่าวหลอกลวงแก่ประชาชนและโจทก์ แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่าไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง

พิพากษายืน

Share