คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่จำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่อันเป็นความประมาทเลินเล่อในขณะเกิดเหตุได้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว แม้คณะกรรมการมีความเห็นว่าไม่ควรให้จำเลยต้องรับผิดในทางแพ่ง ซึ่งกรมทางหลวงโจทก์เห็นพ้องด้วย จึงแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบ แสดงว่าโจทก์ได้รู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันบันทึกแสดงข้อความที่เห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการ หาใช่ถือเอาวันที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลังว่าจำเลยต้องรับผิดเป็นวันที่โจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ เพราะโจทก์เป็นผู้เสียหายและเป็นนิติบุคคลมีอำนาจที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลได้เอง ไม่ต้องรอฟังคำสั่งจากกระทรวงการคลังแต่ประการใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าดูแลรักษาอาคารสถานที่ทำการหน่วยงานก่อสร้างทางของโจทก์ จำเลยได้ละทิ้งหน้าที่อยู่เวรยามเป็นเหตุให้ผู้ก่อการร้ายวางเพลิงเผาอาคารดังกล่าวเสียหาย โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้พิพากษาบังคับ

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คณะกรรมการสรุปผลการสอบสวนแล้วเห็นว่าอาคารถูกวางเพลิงโดยผู้ก่อการร้ายหรือทหารลาวแดงไม่ควรจะให้จำเลยรับผิดทางแพ่งเมื่อกรมทางหลวงได้รับรายงานของคณะกรรมการดังกล่าวก็มีความเห็นพ้องตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน กรมทางหลวงแจ้งให้กระทรวงคมนาคมทราบกระทรวงคมนาคมมีหนังสือแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบตามหนังสือลงวันที่ 22 มิถุนายน 2522 ที่สุดกระทรวงการคลังสั่งให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ตามเอกสารหมาย จ.8 และ จ.9 เห็นว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่อันเป็นความประมาทเลินเล่อในขณะเกิดเหตุได้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วและคณะกรรมการมีความเห็นว่าไม่ควรให้จำเลยต้องรับผิดในทางแพ่งซึ่งกรมทางหลวงก็เห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการดังกล่าว ย่อมแสดงว่าอธิบดีกรมทางหลวงได้รู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรายนี้ในวันบันทึกแสดงข้อความที่เห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการ แต่ไม่ปรากฏในสำนวนว่าอธิบดีกรมทางหลวงบันทึกไว้เมื่อใด แต่ก็ต้องเป็นเวลาก่อนที่กระทรวงคมนาคมแจ้งเรื่องนี้ไปยังกระทรวงการคลังตามหนังสือลงวันที่ 22 มิถุนายน 2522 แม้จะนับตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2522 ถึงวันโจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ วันที่ 8 ตุลาคม 2523 เป็นเวลาเกิน 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคหนึ่ง หาใช่ถือเอาวันที่โจทก์ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลังว่าจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นวันที่โจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ เพราะจำเลยเป็นลูกจ้างของกรมทางหลวง และอาคารที่ถูกวางเพลิงก็เป็นทรัพย์ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงเป็นผู้เสียหายโดยเป็นนิติบุคคลมีอำนาจที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลได้เอง ไม่ต้องรอฟังคำสั่งจากกระทรวงการคลังแต่ประการใด

พิพากษายืน

Share