แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์และเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจลงชื่อแทนธนาคารจำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อและประทับตราสลักหลังเช็คพิพาทซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ อันแสดงว่า กระทำแทนธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ โดย ส.ผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์รู้เห็นและยินยอมด้วยเช่นนี้แม้การกระทำของจำเลยที่ 3 จะเกินอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากธนาคารจำเลยที่ 2 ก็ตามแต่การปฏิบัติของ ส. ผู้มีอำนาจกระทำแทนธนาคาร จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 อยู่ภายในขอบอำนาจที่จะสลักหลังเช็คแทนธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ ธนาคารจำเลยที่ 2จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ นาวาอากาศเอกสมองค์เป็นผู้พิทักษ์ โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ 2 ฉบับลงวันที่ 8พฤศจิกายน 2521 จำนวนเงินฉบับละ 600,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายชำระราคาที่ดินที่ซื้อไปจากโจทก์ เช็คทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวจำเลยที่ 3 ในฐานะตัวแทนของธนาคารจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง ต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดจ่ายเงินแล้วโจทก์ได้เรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 1,200,000 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่าเช็คตามฟ้องออกให้เป็นประกันการชำระราคาที่ดินต่อมาจำเลยที่ 1 ชำระราคาที่ดินให้ผู้พิทักษ์โจทก์ครบถ้วนแล้ว เช็คจึงไม่มีมูลหนี้ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำและเป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ไม่ได้สลักหลังเช็คตามฟ้อง จำเลยที่ 3 ไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่เคยมอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 สลักหลังหรือรับรองเช็คจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ผู้พิทักษ์โจทก์ จำเลยที่ 1 กับพวกและจำเลยที่ 3 ร่วมกันฉ้อฉลจำเลยที่ 2 ทำเช็คทั้งสองฉบับปลอมขึ้นแล้วให้จำเลยที่ 3สลักหลังว่ากระทำแทนจำเลยที่ 2 เพื่อเรียกเก็บเงินจากจำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันใช้เงิน1,200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาททั้งสองฉบับซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์และประทับตราแสดงว่ากระทำแทนธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ โดยนายสมศักดิ์ ผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์รู้เห็นและยินยอมด้วย ถือว่าธนาคารจำเลยที่ 2 รู้เห็นและยินยอมในเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่นายสมศักดิ์ผู้จัดการธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ รู้เห็นและยินยอมให้จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราของธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ แม้ตราที่ประทับจะใช้สำหรับกิจการสลักหลังเช็คของลูกค้าเพื่อเรียกเก็บเงินจากธนาคารอื่นและการกระทำของจำเลยที่ 3 จะเป็นการเกินอำนาจก็ตาม แต่การปฏิบัติของนายสมศักดิ์ และจำเลยที่ 3 ทำให้โจทก์และผู้พิทักษ์โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันควรเชื่อว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 อยู่ภายในขอบอำนาจที่จำเลยที่ 3 มีอำนาจที่จะกระทำการสลักหลังเช็คแทนธนาคารจำเลยที่ 2 สาขาราชวงศ์ได้ธนาคารจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822 และมาตรา 821
พิพากษายืน