แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โต๊ะเก้าอี้ชุดรับแขกหนึ่งชุด โต๊ะเก้าอี้ชุดรับประทานอาหารหนึ่งชุดและนาฬิกาติดผนังหนึ่งเรือน มีสภาพเป็นของใช้สำหรับบุคคลทั้งหลายในครัวเรือนร่วมกันจึงมีสภาพเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนอันไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีส่วนโต๊ะทำงานเหล็กและตู้เก็บเอกสารเหล็กมีสภาพเป็นของใช้เฉพาะสำหรับตัวผู้เป็นเจ้าของ จึงไม่เป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนอันไม่ต้องอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา285(1)
ย่อยาว
คดีนี้เนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยได้ทราบคำบังคับแล้วไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ และได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ และประกาศขายทอดตลาดแล้ว จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดและเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดนั้นเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนของจำเลยที่ไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี ประกอบกับทรัพย์ที่โจทก์นำยึดนี้มีราคารวมกันไม่เกิน 5,000 บาท ขอให้งดการขายทอดตลาด และมีคำสั่งถอนการยึด
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดอันดับที่ 2 ถึง 6 คือชุดรับแขก 1 ชุด ชุดรับประทานอาหารไม้ 1 ชุด เป็นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โต๊ะเก้าอี้ชุดรับแขก 1 ชุด โต๊ะเก้าอี้ชุดรับประทานอาหาร 1 ชุด และนาฬิกาติดผนัง 1 เรือน มีสภาพเป็นของใช้สำหรับบุคคลทั้งหลายในครัวเรือนนั้นร่วมกันจึงมีสภาพเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนอันไม่ต้องอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี แต่โต๊ะทำงานเหล็กและตู้เก็บเอกสารเหล็กตามบัญชียึดทรัพย์อันดับที่ 5 และ 6 มีสภาพโดยตัวเองเป็นของใช้โดยเฉพาะสำหรับตัวของผู้เป็นเจ้าของในการทำงานเกี่ยวกับหนังสือและเอกสารของเขาเท่านั้นจึงไม่ใช่เป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนอันไม่ต้องอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285(1) บัญญัติไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยการยึด
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ปล่อยการยึดทรัพย์ตามบัญชียึดทรัพย์อันดับที่ 5 และ 6 เสีย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ