คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยขุดดินห่างจากแนวเขตที่ดินของโจทก์เพียง 1เมตร ลึกเกินสมควรจนเต็มเนื้อที่ เป็นเหตุให้ที่ดินโจทก์พังทลาย เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 1343 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยจึงต้องรับผิดจัดการป้องกันความเสียหายเพื่อไม่ให้ที่ดินของโจทก์พังทลายต่อไป
จำเลยอ้างว่ามีฝนตกหนักและน้ำท่วมมากเป็นเหตุให้แนวเขตที่ดินพัง อันเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้ แต่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีก่อน จ.ผู้เช่าที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งฟ้อง พ. กับจำเลยที่ 1 คดีนี้ขอให้ใช้ค่าเสียหายที่ขุดดินทำให้บ่อปลาของ จ.เสียหาย แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้จัดการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ที่ดินของโจทก์คนละแปลงกับที่ดินที่ให้ จ.เช่าเป็นคนละกรณีกัน ทั้งโจทก์ก็มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อนร่วมกับจ.ด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจัดการป้องกันความเสียหายอันเกิดแก่ความอยู่มั่น แห่งที่ดินของโจทก์ ที่ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยขุด มิใช่เรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดโดยตรง. จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งมีโฉนดรวม 5 แปลงอยู่ติดกับที่ดินของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ขุดบ่อหรือสระในที่ดินของจำเลยชิดแนวเขตที่ดินของโจทก์กว้าง 57 เมตร ยาว 290 เมตร ลึก 10 เมตร เพื่อนำดินไปใช้ในกิจการของจำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์พังทลายลงไป ทำให้น้ำจากบ่อหรือสระไหลเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1342, 1343 และทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถใช้ที่ดินทำประโยชน์ได้ขอบังคับให้จำเลยทั้งสองทำเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กห่างแนวเขตที่ดินโจทก์ 2 เมตร กับถมดินแน่นตามแนวสันเขื่อน ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ทำก็ให้โจทก์ทำเองโดยจำเลยทั้งสองเสียค่าใช้จ่าย และให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองจ้างนายพิพัฒน์ ขุดบ่อในที่ดินของจำเลย ต่อมานายจำรัส ตัวแทนและผู้เช่าที่ดินซึ่งมีแนวเขตติดต่อกับที่ดินของจำเลย ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าขุดบ่อทำให้ที่ดินเสียหาย คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยนายจำรัส รับเงินค่าซ่อมแซมแนวเขตที่ดินไปแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้เพราะเป็นฟ้องซ้อนและคดีขาดอายุความ จำเลยขุดบ่อในที่ดินของจำเลยห่างจากแนวเขตที่ดินข้างเคียง 5 เมตร การที่แนวเขตที่ดินพังเป็นความผิดของนายจำรัสการซ่อมแซมแนวเขตที่ดินไม่จำเป็นสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองสร้างเขื่อนไม้ตามแนวคันดินที่พังและนำดินมาถมตามแนวสันเขื่อนให้เต็ม ถ้าจำเลยไม่ทำให้โจทก์ทำเอง โดยจำเลยเสียค่าใช้จ่ายแทนโจทก์

โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1343 หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ขุดดินห่างแนวเขตที่ดินของโจทก์เพียงประมาณ 1 เมตรลึกเกินสมควรจนเต็มเนื้อที่เป็นเหตุให้ที่ดินติอต่อของโจทก์พังทลาย เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 1343 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จำเลยจึงต้องร่วมกันรับผิดจัดการป้องกันความเสียหายเพื่อไม่ให้ที่ดินของโจทก์พังทลายต่อไป ที่จำเลยฎีกาว่าที่เกิดเหตุมีฝนตกหนักและน้ำท่วมมากเป็นเหตุให้แนวเขตที่ดินพังอันเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้นั้น เห็นว่าเป็นข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 9996/2522ของศาลชั้นต้น เห็นว่าคดีก่อนเป็นเรื่องนายจำรัส แซ่อื้อผู้เช่าที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งฟ้องนายพิพัฒน์ วิริยางกูร กับจำเลยที่ 1 คดีนี้ให้ชดใช้ค่าเสียหายที่ขุดดินทำให้บ่อปลาในที่เช่าเสียหาย แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1และที่ 2 ให้จัดการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ที่ดินของโจทก์คนละแปลงกับที่ดินที่ให้นายจำรัสเช่า เป็นคนละกรณีกัน ทั้งโจทก์คดีนี้ก็ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีก่อนร่วมกับนายจำรัสด้วย โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยขุดบ่อหรือสระระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน 2521 โจทก์ทราบว่าที่ดินพังเมื่อเดือนกรกฎาคม 2521 ซึ่งทราบถึงมูลละเมิดและรู้ตัวผู้ทำละเมิดแล้วแต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2523 คดีโจทก์ขาดอายุความนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจัดการป้องกันความเสียหายอันจะเกิดแต่ความอยู่มั่นแห่งที่ดินของโจทก์ที่ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยขุด มิใช่เรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดโดยตรง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share