แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกให้ชำระหนี้เงินกู้และไถ่ถอนจำนอง เป็นหนี้เหนือบุคคล มิใช่ คดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือเกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัว เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 20,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ฟ้องทายาทให้ไถ่ถอนจำนองที่ผู้ตายได้ทำไว้ หลังจากผู้ตายถึงแก่กรรมเกิน 1 ปีคดีขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม แล้วก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวก็ยกเว้นมิให้บังคับในกรณีสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตาม มาตรา189 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ให้โจทก์จาก ทรัพย์สินที่จำนองได้
สัญญาจำนองระบุว่าให้ส่งดอกเบี้ยเดือนละ 1 ครั้ง ย่อม เป็นที่เข้าใจว่าระหว่างผู้ตายมีชีวิตอยู่อาจจะชำระดอกเบี้ยไปบ้างแล้วก็ได้ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ยืนยันว่าตั้งแต่ทำสัญญาจำนองแล้ว ผู้ตายไม่ได้ชำระดอกเบี้ยเลยหรือ ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยตั้งแต่เมื่อใด ไม่สามารถคำนวณดอกเบี้ยได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับดอกเบี้ยจึงไม่ชัดแจ้ง เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระดอกเบี้ยที่ค้างไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายตันบิดาจำเลยกู้เงินโจทก์ไป และได้นำที่ดินมาจำนองเป็นประกันโดยตกลงอัตราดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนนายตันไม่ได้ไถ่ถอนจำนองและไม่ได้ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ นายตันถึงแก่กรรมไปแล้ว ทรัพย์มรดกตกได้แก่จำเลยในฐานะทายาท โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเพื่อไถ่ถอนจำนองแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ถ้าไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของนายตันออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยให้การว่า นายตันไม่เคยกู้เงินโจทก์และจำนองที่ดินเป็นประกันจำเลยไม่ใช่ทายาทโดยธรรมและยังไม่ได้รับมรดกของนายตัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับดอกเบี้ยเป็นฟ้องเคลือบคลุมและคดีขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี ย้อนหลังไปห้าปีนับแต่วันฟ้อง และถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้จนครบ หากไม่ครบจะยึดทรัพย์สินอื่นขายทอดตลาดชำระหนี้อีกไม่ได้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏว่าจำเลยเป็นบุตรของผู้ตาย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นทายาทผู้รับมรดกของผู้ตายจำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทผู้รับมรดกของนายตัน ให้ชำระหนี้เงินกู้และไถ่ถอนจำนอง ซึ่งเป็นหนี้เหนือบุคคลมิใช่ดคีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ หรือเกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัว เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองหมื่นบาทจึงต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ปรากฏว่าอุทธรณ์ของจำเลยมีทั้งปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาข้อเท็จจริง แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยอุทธรณ์แต่อย่างใด คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบ แต่อย่างไรก็ดี ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยอุทธรณ์ไปเสียทีเดียว โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งรับฟังได้ว่า นายตันบิดาจำเลยกู้เงินโจทก์ไป โดยเอาที่ดินจำนองเป็นประกัน นายตันได้ถึงแก่กรรมไปแล้วโดยยังมิได้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองจำเลยเป็นบุตรของนายตัน จึงต้องรับผิดในหนี้ตามฟ้องในฐานะเป็นทายาทโดยธรรมของนายตัน
คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของนายตัน ผู้ตายเพื่อให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ผู้ตายได้จำนองที่ดินประกันหนี้เงินกู้ไว้แม้โจทก์จะฟ้องหลังจากนายตันถึงแก่กรรมไปแล้วเกิน 1 ปี คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม แล้วก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวยกเว้นมิให้ใช้บังคับในกรณีสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามมาตรา 189 ซึ่งบัญญัติว่า “เหตุที่สิทธิเรียกร้องขาดอายุความย่อมไม่ห้ามผู้รับจำนอง ผู้รับจำนองหรือผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินหรือเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สิน อันตนได้ยึดถือไว้ ในการที่จะใช้สิทธิบังคับจากทรัพย์สินที่จำนองจำนำ หรือยึดถือไว้นั้น แต่เมื่อใช้สิทธิอันนี้ท่านห้ามมิให้เจ้าหนี้คิดเอาดอกเบี้ยที่ค้างกว่าห้าปีขึ้นไป” เห็นได้ว่า แม้คดีขาดอายุความแล้วก็ดี แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 189 ก็ยังยอมให้โจทก์ผู้รับจำนองใช้สิทธิบังคับเอาจากทรัพย์สินที่จำนองได้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยในฐานะทายาทของนายตันเพื่อบังคับชำระหนี้ให้โจทก์จากทรัพย์สินที่จำนองได้ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
ตามสัญญาจำนอง ดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี และตกลงส่งดอกเบี้ยเดือนละ 1 ครั้ง แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องเพียงว่า บิดาจำเลยไม่ได้ไถ่ถอนจำนองและชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เท่านั้น และตามหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองกับคำขอท้ายฟ้องก็ไม่ปรากฏว่าเริ่มคิดดอกเบี้ยเพราะจำเลยผิดนัดตั้งแต่เมื่อใด ดังนั้นเมื่อสัญญาจำนองระบุไว้ชัดว่า ให้ส่งดอกเบี้ยเดือนละ 1 ครั้ง ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าระหว่างนายตันมีชีวิตอยู่อาจชำระดอกเบี้ยไปบ้างแล้วก็ได้ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ยืนยันว่าตั้งแต่ทำสัญญาจำนองแล้วนายตันผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยมาตั้งแต่เมื่อใดจึงไม่สามารถจะคำนวณดอกเบี้ยได้ถูกต้อง ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับดอกเบี้ยจึงไม่ชัดแจ้ง เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จะเรียกให้จำเลยชำระดอกเบี้ยที่ค้างไม่ได้
อย่างไรก็ดี เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองภายใน 15 วัน นับแต่วันรับหนังสือ เมื่อนำหนังสือไปส่งให้จำเลย จำเลยอ่านข้อความในหนังสือแล้วแต่ไม่ยอมเซ็นรับหนังสือไว้ฉะนั้น เมื่อครบกำหนด 15 วันนับแต่วันส่งหนังสือบอกกล่าวให้แก่จำเลยแล้ว คือวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2523 จำเลยก็ยังมิได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใด จึงถือได้ว่าจำเลยผิดนัดแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ตั้งแต่วันผิดนัดเป็นต้นไป
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2523 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น