คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คณะกรรมการของบริษัทมีมติให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 เพื่อเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ แต่ ม. กรรมการคนหนึ่งกลับเรียกประชุมใหญ่ในวันที่ 22 เดือนเดียวกัน อ้างว่า ทำตามคำร้องของผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ยื่นเรื่องราวให้คณะกรรมการพิจารณาก่อน ถึงวันที่ 22 ส. ประธานกรรมการและกรรมการส่วนใหญ่ของบริษัทได้พากันไปยังที่ประชุม แจ้งขอระงับการประชุมในวันนั้นโดยให้ไปประชุมกันในวันที่ 28 ตามที่นัดไว้แล้ว ม. ก็รับคำครั้นส. กับพวกกรรมการกลับไปแล้ว ม. กลับจัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้นอีก โดยให้ ท. ซึ่งมิได้เป็นกรรมการบริษัทเป็นประธานที่ประชุม และที่ประชุมลงมติเลือก ท. กับพวกเป็นกรรมการ ครั้นวันที่ 28 ได้มีการประชุมใหญ่กันอีกครั้งหนึ่ง ที่ประชุมไม่ยอมรับรองรายงานการประชุมวันที่ 22 ดังนี้ แม้ที่ประชุมวันที่ 22 จะได้ลงมติเลือก ท. กับพวกเป็นกรรมการ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นมติของที่ประชุมใหญ่ เพราะกรรมการส่วนใหญ่สั่งระงับการประชุมในวันนั้นเสียแล้ว ท. กับพวกจึงมิใช่กรรมการของบริษัท การที่นายทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทรับจดทะเบียน ท. กับพวกเป็นกรรมการของบริษัท จึงเป็นการไม่ชอบบริษัทมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้ กรณีไม่อยู่ในบังคับมาตรา 1195 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งจะต้องฟ้องเพิกถอนภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันลงมติ
กรรมการส่วนใหญ่ของบริษัทสั่งระงับการประชุมใหญ่เสียก่อนเริ่มลงมือประชุมโดยให้ไปประชุมกันในวันอื่นตามที่นัดไว้หาจำต้องได้รับความยินยอมของที่ประชุมตามที่ บัญญัติไว้ในมาตรา 1181 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ เพราะมิใช่เริ่มลงมือประชุมและมีผู้นั่งเป็นประธานแล้วจึงได้มีการเลื่อนการประชุมไปเวลาอื่น
ฎีกาที่ว่า การเลือกตั้งกรรมการของบริษัทในคราวประชุมใหญ่วันที่ 28 หากมีการนับคะแนนเสียงให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงและตามกฎหมายแล้ว กรรมการชุดของ ท. เป็นประธานจะได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ มิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทโจทก์ และขยายอายุการมีอำนาจตามรายงานการประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2513 เมื่อ 28กุมภาพันธ์ 2513 ประกอบด้วยนาวาเอกสำราญ แย้มศรีบัว กับพวกวันที่ 5 มีนาคม 2513 บริษัทโจทก์ได้มีหนังสือนำส่งรายงานการประชุมดังกล่าว เพื่อแจ้งให้จำเลยทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับกรรมการต่อมาเมื่อ 10 มีนาคม 2513 ได้มีบุคคลภายนอกอ้างว่าได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการ และมีอำนาจทำการแทนบริษัทโจทก์ ในการประชุมใหญ่เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2513 ได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนแก้ไขเกี่ยวกับคณะกรรมการบริษัทของบริษัทโจทก์เป็น นายทองคำ เปรมฤทัย กับพวก การจดแจ้งขอแก้ไขทางทะเบียน เป็นการจดแจ้งภายหลังที่บริษัทโจทก์แจ้งไว้ก่อนแล้ว จำเลยได้จดทะเบียนและรับแจ้งการเปลี่ยนแปลงเป็นเหตุให้มีคณะกรรมการบริษัทโจทก์ซ้อนกันถึง 2 ชุดขอให้ศาลสั่งให้จำเลยเพิกถอนการจดทะเบียนเกี่ยวกับคณะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งมีนายทองคำ เปรมฤทัย กับพวก รวม 11 คน ออกจากหลักฐานต่าง ๆทางทะเบียน ฯลฯ

จำเลยให้การว่า ที่จำเลยรับจดทะเบียนกรรมการบริษัทโจทก์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2513 นั้น เป็นการถูกต้อง จำเลยไม่มีหน้าที่รับทราบรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2513 ลงวันที่ 28กุมภาพันธ์ 2513 ฯลฯ

บริษัทซีไซด์เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด โดยนางอัจฉรา บุญเจิมกรรมการผู้จัดการ และ พันตำรวจตรีมงคล นุตประพันธ์ กรรมการผู้ร้องได้ยื่นคำร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วม ความว่า เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2513 ได้มีการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นบริษัทซีไซด์ฯ มีการเลือกตั้งกรรมการบริษัทขึ้นใหม่ จดทะเบียนกรรมการโดยชอบแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยในฐานะนายทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทเพิกถอนการจดทะเบียนเกี่ยวกับคณะกรรมการของโจทก์ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ตามรายงานการประชุมใหญ่ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์2513 ออกจากหลักฐานทางทะเบียนกรมการค้า

จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องสอดฎีกา

ทางพิจารณาได้ความว่า กรรมการของบริษัทซีไซด์เอนเตอร์ไพรส์จำกัด มีนาวาอากาศเอกสำราญ แย้มศรีบัว เป็นประธานกรรมการนายภิรมย์ กมลงาม นางสุมาลี คำนวณศิลป์ และคนอื่น ๆ อีกรวมทั้งสิ้น11 คน ซึ่งได้จดทะเบียนต่อกระทรวงเศรษฐการแล้ว กรรมการชุดนาวาอากาศเอกสำราญ แย้มศรีบัว เป็นประธานกรรมการ ได้ปฏิบัติหน้าที่สืบต่อมา ครั้นวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2513 คณะกรรมการของบริษัทก็มีมติให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 เพื่อเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ในวาระเดียวกันนั้น พันตำรวจตรีมงคล นุตประพันธ์ กรรมการของบริษัทก็ได้เรียกประชุมใหญ่ขึ้นเหมือนกันในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2513 อ้างว่าทำตามคำร้องของผู้ถือหุ้น โดยไม่ได้ยื่นเรื่องราวให้คณะกรรมการของบริษัทพิจารณาก่อน ครั้นถึงวันนัดประชุมวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2513 นาวาอากาศเอกสำราญนายภิรมย์นายอนันต์นางสุมาลีและนายอุดมกรรมการของบริษัทได้พากันไปยังที่ประชุม แจ้งขอระงับการประชุมในวันนั้นเสีย โดยให้ไปประชุมกันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 ตามที่นัดไว้แล้ว พันตำรวจตรีมงคลซึ่งเป็นผู้เรียกประชุมใหญ่วันนั้นขึ้นก็รับคำว่าจะไม่จัดให้มีการประชุมในวันนั้นต่อไป ครั้นเมื่อนาวาอากาศเอกสำราญกับพวกพากันกลับไปแล้ว พันตำรวจตรีมงคลกลับจัดให้มีการประชุมใหญ่กันขึ้นอีก โดยให้นายทองคำซึ่งมิได้เป็นกรรมการบริษัทเป็นประธานในที่ประชุมที่ประชุมได้ลงมติเลือกนายทองคำและพวกรวม 11 คน ดังมีรายนามตามฟ้องเป็นกรรมการครั้นวันที่ 28กุมภาพันธ์ 2513 ได้มีการประชุมใหญ่กันขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผู้ถือหุ้นขอให้ที่ประชุมรับรองรายงานการประชุมใหญ่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2513 แต่นาวาอากาศเอกสำราญประธานได้ชี้แจงว่า ได้สั่งระงับการประชุมใหญ่วันดังกล่าวแล้ว พร้อมกับให้เลขานุการอ่านบันทึกการระงับการประชุมให้ที่ประชุมฟัง ที่ประชุมรับทราบ และรับรองรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญวันที่ 6 กรกฎาคม 2512 โดยไม่รับรองรายงานประชุมใหญ่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2513 ต่อมาวันที่ 10 มีนาคม 2513 พันตำรวจตรีมงคลกับพวกได้ไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัทอ้างว่าคณะกรรมการบริษัทชุดนาวาอากาศเอกสำราญเป็นประธานกรรมการได้พ้นตำแหน่งแล้ว โดยคณะกรรมการบริษัทชุดนายทองคำได้รับเลือกตั้งขึ้นใหม่ตามมติของที่ประชุมใหญ่ของบริษัทเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์2513 จำเลยจดทะเบียนให้ตามคำขอของพันตำรวจตรีมงคลกับพวก

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่พันตำรวจตรีมงคลได้จัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นอีกในวันนั้นหลังจากที่นาวาอากาศเอกสำราญและพวกพากันกลับไปแล้ว แม้ที่ประชุมจะได้ลงมติเลือกนายทองคำกับพวกรวม 11 คนเป็นกรรมการของบริษัท ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นมติของที่ประชุมใหญ่บริษัทซีไซด์เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด ที่กรรมการส่วนใหญ่ของบริษัทได้ไปสั่งระงับการประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2513 นั้น หาจำต้องได้รับความยินยอมของที่ประชุมตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1181 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ เพราะกรณีนี้คณะกรรมการของบริษัทสั่งระงับการประชุมเสียก่อนเริ่มลงมือประชุม หาใช่เริ่มลงมือประชุมและมีผู้นั่งเป็นประธานในที่ประชุมแล้วจึงได้มีการเลื่อนการประชุมไปเวลาอื่นอันจะต้องได้รับความยินยอมของที่ประชุมดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1181 ไม่ ฟังได้ว่าไม่มีการประชุมใหญ่ของบริษัทซีไซด์เอนเตอร์ไพรส์ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2513 ขึ้นอย่างใดและรับฟังได้ด้วยว่านายทองคำกับพวกรวม 11 คนดังมีรายนามตามฟ้องมิใช่กรรมการของบริษัทซีไซด์เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด การที่จำเลยจดทะเบียนนายทองคำกับพวก 11 คนเป็นกรรมการของบริษัทดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนได้ กรณีไม่อยู่ภายในบังคับมาตรา 1195 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในอันที่จะต้องฟ้องเพิกถอนภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันลงมติ

ข้อที่ผู้ร้องสอดฎีกาว่า การเลือกตั้งกรรมการของบริษัทในคราวประชุมใหญ่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 หากมีการนับคะแนนเสียงให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงและตามกฎหมายแล้ว กรรมการชุดนายทองคำเปรมฤทัย เป็นประธาน จะได้รับการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ หาใช่กรรมการชุดนาวาอากาศเอกสำราญ แย้มศรีบัว เป็นประธานได้รับเลือกตั้งไม่ นั้น เห็นว่า ปัญหาข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นฎีกาของผู้ร้องสอดในข้อนี้จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายืน

Share