คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เป็นกรรมการคนหนึ่งของบริษัท น. จำเลยเคยเป็นพนักงานบริษัทดังกล่าวในตำแหน่งผู้ช่วยสมุห์บัญชีและมีชื่อเป็นผู้รับจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทโจทก์ไม่มีหลักฐานใด ๆ มาแสดงให้เห็นว่าจำเลยรับจำนองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ทั้งตามหนังสือสัญญาจำนองก็ไม่ปรากฏข้อความให้เห็นว่าจำเลยกระทำแทนโจทก์ช. พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้นำโฉนดที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการกู้เงินก็เบิกความว่า นำโฉนดที่ดินและหลักฐานส่วนตัวไปติดต่อกับบริษัท น. และตอบคำถามค้านว่า ขณะไปกู้เงินไม่พบโจทก์ พบแต่จำเลย บริษัทให้จำเลยรับจำนองแทน จึงเจือสมกับที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยรับจำนองที่ดินพิพาทแทนบริษัท น. ขณะที่จำเลยทำงานเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีอยู่ การที่โฉนดที่ดินพิพาทและสัญญาจำนองตัวจริงอยู่ในครอบครองของโจทก์ตลอดมาก็ไม่เป็นข้อพิรุธที่จะชี้ให้เห็นว่าจำเลยจำนองแทนโจทก์ เพราะขณะรับจำนองโจทก์เป็นกรรมการผู้หนึ่งของบริษัท น. โจทก์อาจนำเอกสารดังกล่าวมาเก็บไว้เป็นได้ จึงฟังยังไม่ได้ว่าจำเลยรับจำนองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,352, 353

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 352 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์เป็นกรรมการคนหนึ่งของบริษัทนานยางรุ่งเรืองกิจจำกัด เดิมใช้ชื่อว่าบริษัทนานยางธนาการเครดิต จำกัด ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียน มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการให้กู้ยืมเงิน จำเลยเคยเป็นพนักงานบริษัทดังกล่าวในตำแหน่งผู้ช่วยสมุห์บัญชี เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2524 จำเลยมีชื่อเป็นผู้รับจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 3106 ตำบลบางด้วน(บางแวก)อำเภอภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จากห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยสหสถาปัตย์ ตามสำเนาภาพถ่ายโฉนดที่ดินและหนังสือสัญญาจำนอง ต่อมาวันที่ 29 มีนาคม 2536 จำเลยได้ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า โฉนดที่ดินพิพาทและสัญญาจำนองดังกล่าวตกหายไป และได้ไปให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาหนองแขม ในการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยสหสถาปัตย์ขอออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทว่า จำเลยเป็นผู้เก็บโฉนดที่ดินพิพาทและสัญญาจำนองที่ดินดังกล่าวไว้แล้วได้ทำตกหายไปจนเจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยสหสถาปัตย์และจำเลยได้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยสหสถาปัตย์ มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยไม่ โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความว่า โจทก์เป็นผู้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยสหสถาปัตย์โดยนายชัยยง นนทชัยภูมิ หุ้นส่วนผู้จัดการ กู้เงินไป 700,000 บาท นายชัยยงได้นำโฉนดที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันโดยโจทก์ให้จำเลยเป็นผู้รับจำนองแทน เห็นว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานใด ๆ มาแสดงให้เห็นว่าจำเลยรับจำนองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ ทั้งตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาจำนอง ก็ไม่ปรากฏข้อความให้เห็นว่าจำเลยกระทำแทนโจทก์ แม้โจทก์จะมีนายทวี ธีรเสนี มาเบิกความว่านายทวีเป็นผู้แนะนำนายชัยยง นนทชัยภูมิ หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยสหสถาปัตย์มากู้เงินโจทก์ แต่ในวันจดทะเบียนจำนองนายทวีไม่ได้ไปด้วย เพียงแต่ทราบเรื่องภายหลังจากตัวโจทก์เท่านั้น แต่นายชัยยงพยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทำนิติกรรมจำนองกลับเบิกความยืนยันว่า นายทวีแนะนำนายชัยยงให้ไปกู้เงินจากบริษัทนานยางธนาการเครดิต จำกัด นายชัยยงนำโฉนดที่ดินและหลักฐานส่วนตัวไปติดต่อกับบริษัทดังกล่าว และตอบทนายจำเลยถามค้านว่า นายชัยยงทำสัญญากู้เงินที่บริษัทนานยางธนาการเครดิต จำกัด ขณะไปกู้เงินไม่พบโจทก์พบแต่จำเลยบริษัทให้จำเลยรับจำนองแทน ซึ่งเจือสมกับที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยรับจำนองที่ดินพิพาทแทนบริษัทนานยางธนาการเครดิต จำกัด ขณะที่จำเลยทำงานเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีอยู่พยานปากนี้ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อน จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ การกู้ยืมเงินรายนี้ไม่ได้ทำสัญญากู้ยืมไว้คงให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงินเท่านั้น ได้ความว่าโจทก์ประกอบอาชีพรับจำนองและขายฝากที่ดินเป็นเวลานานประมาณ 30 ปี ย่อมจะไม่ยอมเสี่ยงให้จำเลยเป็นผู้รับจำนองแทน โดยไม่มีแม้แต่หลักฐานที่จะใช้ยืนยันในระหว่างกันเอง ที่โจทก์อ้างว่าไว้ใจจำเลยเพราะเป็นบุตรของพี่ชายโจทก์และโจทก์มีปัญหาเรื่องภาษีกับกรมสรรพากรเกรงจะถูกยึดที่ดิน จึงให้จำเลยลงชื่อเป็นผู้รับจำนองแทนนั้น โจทก์ไม่มีหลักฐานมายืนยันอันเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ แล้ว โจทก์ยังเบิกความรับว่าขณะรับจำนองบุตรสาวและบุตรชายโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วหากโจทก์เป็นผู้ให้กู้เงินจริงก็ชอบที่โจทก์จะใส่ชื่อบุตรโจทก์เป็นผู้รับจำนองแทนนอกจากโจทก์จะไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินให้แก่จำนองมาแสดงแล้ว โจทก์ยังตอบทนายจำเลยถามค้านว่า จำไม่ได้ว่าให้เงินค่าจำนองที่ดินเป็นเงินสดหรือเช็คและว่าไม่เคยมีหนังสือทวงถามให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยสหสถาปัตย์ไถ่ถอนจำนองจึงเป็นพิรุธอยู่ การที่โฉนดที่ดินพิพาทและสัญญาจำนองตัวจริงอยู่ในความครอบครองของโจทก์ตลอดมา ก็หาเป็นข้อพิรุธที่จะชี้ให้เห็นว่าจำเลยรับจำนองแทนโจทก์ เพราะขณะรับจำนองโจทก์เป็นกรรมการผู้หนึ่งของบริษัทนานยางธนาการเครดิต จำกัด โจทก์อาจนำเอกสารดังกล่าวมาเก็บไว้ก็เป็นได้ ส่วนที่รายงานการประชุมของบริษัทนานยางธนาการเครดิต จำกัด ไม่ปรากฏหลักฐานระบุให้เห็นว่าจำเลยรับจำนองแทนบริษัทก็อาจเนื่องจากบริษัทไม่มีวัตถุประสงค์ในการรับจดทะเบียนจำนอง จึงไม่มีการจดบันทึกรายงานการประชุมไว้ พยานหลักฐานของโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรับจำนองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ในประเด็นที่ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share