คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นเหมืองหรือร่องน้ำซึ่งโจทก์ชักน้ำเข้าไปใช้ในที่นาโจทก์มากว่า 30 ปีแล้ว โจทก์จึงได้ภารจำยอมโดยอายุความ ซึ่งจำเลยจะปิดหรือกลบเหมืองเสียหาได้ไม่
แม้โจทก์จะมีทางได้น้ำทางอื่นบางเวลา ถ้าโจทก์ยังไม่เลิกใช้ภารจำยอมเสียเป็นเวลาสิบปีแล้ว ภารจำยอมก็หาสิ้นไปไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองและบริวารได้ปิดลำเหมืองภารจำยอมซึ่งผ่านที่ดินของจำเลย ลำเหมืองนี้เป็นทางน้ำซึ่งโจทก์ชักเอาน้ำเข้านาโจทก์ติดต่อกันมา 30 ปีเศษแล้ว และเป็นที่ซึ่งโจทก์ได้นำกระบือลงไปอาบและกินน้ำ ทำให้โจทก์เสียหายขาดประโยชน์จากการทำนาเป็นเงิน 6,000 บาท ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองและบริวารเปิดเหมืองภารจำยอม ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้ชักน้ำจากลำคลองห้วยขวีซึ่งเป็นเหมืองฝายติดกับที่ดินของโจทก์ทางด้านอื่น จำเลยและบริวารไม่เคยทำการปิดเหมืองภารจำยอมใด ๆ โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า มีเหมืองภารจำยอมหรือลำรางภารจำยอมผ่านที่ดินจำเลย ให้จำเลยทั้งสองเปิดลำรางน้ำภารจำยอมในที่ดินซึ่งจำเลยครอบครองอยู่เรื่องค่าเสียหายโจทก์สืบไม่ได้ ให้ยกเสีย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหมืองน้ำในที่นาของจำเลยที่ติดกับที่นาโจทก์ โจทก์อาศัยน้ำจากฝายคอนกรีตที่อยู่ทางทิศเหนือของลำห้วยขวีทำนา ไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่โจทก์จะต้องสูบน้ำผ่านที่นาของจำเลย พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย

โจทก์ฎีกา

ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์และจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรมมีผู้ขอเข้ารับมรดกความแทนโจทก์จำเลย ศาลฎีกาอนุญาต

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตรงที่พิพาทเป็นเหมืองหรือร่องน้ำซึ่งโจทก์ชักน้ำเข้าไปใช้ในที่นาโจทก์มากว่า 30 ปีแล้วโจทก์จึงได้ภารจำยอมโดยอายุความซึ่งจำเลยจะปิดหรือกลบเหมืองเสียหาได้ไม่ และแม้โจทก์จะมีทางได้นำทางอื่นบางเวลาถ้าโจทก์ยังไม่เลิกใช้ภารจำยอมเสียเป็นเวลาสิบปีแล้ว ภารจำยอมก็หาสิ้นไปไม่

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้นทุกประการ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ และให้คืนค่าขึ้นศาลที่โจทก์เสียเกินมาหนึ่งร้อยบาทแก่โจทก์

Share