คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญากู้ จำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้ตามฟ้องไปจริงแต่เมื่อคิดจำนวนดอกเบี้ยซึ่งโจทก์เรียกเกินอัตราตามกฎหมายที่จำเลยได้ชำระโจทก์ไปแล้วยังเป็นจำนวนเกินกว่าต้นเงินกู้เสียอีก ขอให้เอามาหักกลบลบหนี้กัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกอีก ดังนี้ เท่ากับจำเลยให้การรับแล้วว่าจำเลยยังมิได้ชำระต้นเงินคืนให้โจทก์ โจทก์ไม่ต้องนำสืบในประเด็นข้อนี้อีก
การที่จำเลยตกลงชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราตามกฎหมายให้โจทก์ไปแล้วเท่ากับเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีความผูกพันต้องชำระ จำเลยจึงหามีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจำนวนนี้คืนไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาท ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ต้นเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ

จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาทตามเอกสารท้ายฟ้องโจทก์จริง แต่โจทก์เรียกดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราร้อยละ 2 บาทต่อเดือน ซึ่งเกินอัตราตามกฎหมาย จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เดือนละ 400 บาททุกเดือน จนถึงเดือนที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลา 8 ปี 9 เดือน เป็นเงินดอกเบี้ยที่ชำระไปทั้งสิ้น 42,000 บาท ซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตามกฎหมายได้เพียงร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี รวมเป็นเงินดอกเบี้ยที่โจทก์พึงจะได้รับจากจำเลยทั้งหมดเพียง13,125 บาท โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจากกฎหมายไป 28,875 บาทซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิจะได้รับ เมื่อหักกับต้นเงินกู้ 20,000 บาทแล้ว โจทก์ยังต้องคืนเงินให้จำเลยอีก 8,875 บาท

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยรับว่าได้กู้เงินโจทก์ไป 20,000 บาทจริงตามคำให้การ จำเลยไม่มีหลักฐานแสดงว่าได้ชำระต้นเงินคืนให้โจทก์แล้ว ดอกเบี้ยที่จำเลยอ้างว่าชำระให้โจทก์เกินกว่าอัตราตามกฎหมาย จำเลยก็เรียกส่วนที่ชำระเกินไปคืนไม่ได้ เพราะจำเลยชำระไปตามอำเภอใจ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 พิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินให้โจทก์ 20,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยอ้างว่าจำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เกินไปมากกว่าต้นเงินเสียอีก ขอให้เอามาหักกลบลบหนี้กันนั้น คำให้การจำเลยมีความหมายรับว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระต้นเงินคืนให้โจทก์นั่นเอง โจทก์จึงไม่ต้องนำสืบในประเด็นข้อนี้ส่วนที่จำเลยฎีกาขอสืบว่าโจทก์ได้รับดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายและจำเลยมีสิทธิเรียกร้องเงินดอกเบี้ยส่วนที่ชำระเกินไปคืน แล้วขอหักกลบลบหนี้กันต้นเงินตามฟ้องโจทก์ เห็นว่า แม้หากคดีจะฟังได้ว่าจำเลยได้ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้จริงก็เป็นเรื่องที่จำเลยชำระหนี้ด้วยความสมัครใจเอง โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่า ตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระตามนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์ส่วนนี้คืน ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 407 เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จำเลยจะนำไปหักกลบลบหนี้กับต้นเงินที่จำเลยยังไม่ได้ชำระ

พิพากษายืน

Share