คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157เมื่อคดีได้ความว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 จดข้อความเท็จลงในเอกสารการซื้อขายที่ดิน และจำเลยทั้งสองไม่ได้สมคบกันอ้างหรือใช้เอกสารดังกล่าว ทั้งจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานก็ไม่ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ซึ่งจะลงโทษจำเลยในฐานความผิดนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ปัญหาที่ว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์ต่อไปอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยร่วมกันกระทำผิดหลายบทหลายกระทงต่างกรรมต่างวาระโดยเมื่อวันใดไม่ปรากฏชัดระหว่างวันที่ 11 สิงหาคม 2508 ถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2508 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1 นำความซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปแจ้งแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ให้จดข้อความเท็จลงในสัญญาขายที่ดินลงวันที่ 11 สิงหาคม 2508 อันเป็นเอกสารมหาชนหรือเอกสารทางราชการว่า นางพูนทวี สวัสดิ์รักษ์ ภรรยา จำเลยที่ 1 ซึ่งศาลจังหวัดภูเก็ตได้พิพากษาตามคดีแพ่งเลขแดงที่ 151/2506 ว่าเป็นคนวิกลจริตไร้ความสามารถและให้อยู่ในความอนุบาลของจำเลยที่ 1 นั้น นางพูนทวี หายเป็นปกติแล้วโดยศาลยังไม่ได้สั่งเพิกถอนหรือสั่งประการอื่นใดเลย ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและโจทก์ แล้วตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยทั้งสองได้สมคบกันใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวโดยให้นางพูนทวีลงชื่อในสัญญาซื้อขายที่ดินฉบับที่กล่าวนั้นขายที่ดินโฉนดที่ 6309 แก่ผู้มีชื่อโดยเจตนาทุจริตของจำเลยทั้งสอง

จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานที่ดินภูเก็ตรู้ดีแล้วว่า นางพูนทวีถูกศาลพิพากษาให้เป็นคนวิกลจริตไร้ความสามารถ ยังได้สมคบกับจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือผู้หนึ่งผู้ใด เหตุเกิดที่ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 157, 267, 268, 83, 84, 82, 91

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งคดีมีมูล

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีทางฟังได้เลยว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งข้อความ และจำเลยที่ 2 ได้จดข้อความดังโจทก์ฟ้องข้อหาใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดจึงตกไปด้วย ฟ้องของโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ โจทก์ไม่ได้บรรยายเลยว่าจำเลยกระทำการทุจริตต่อหน้าที่อย่างใด และไม่มีพยานว่าจำเลยกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 222 และศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาแล้วว่า ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งต่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตว่านางพูนทวีหายจากวิกลจริตแล้ว ให้จำเลยที่ 2 จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารใด ๆ ดังโจทก์ฟ้องกล่าวหา และจำเลยที่ 2 มิได้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่

ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาว่าคำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายพอที่จะให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 จดข้อความเท็จลงในเอกสารการซื้อขายที่ดินของนางพูนทวี และจำเลยทั้งสองไม่ได้สมคบกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งความเท็จนั้น ทั้งจำเลยที่ 2 ไม่ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตประการใดแล้ว ปัญหาที่ว่าฟ้องของโจทก์จะเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์ต่อไปอีก แม้ว่า ฟ้องของโจทก์จะใช้ได้ แต่ข้อเท็จจริงที่ได้ความปรากฏว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำเลยไม่ได้อยู่แล้วศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืนให้ยกฎีกาโจทก์

Share