คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความ แทนที่โจทก์ผู้มรณะ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่าง พิจารณาของศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 โอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาซื้อขายแก่โจทก์และห้ามจำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ยักยอกมรดกไปขายให้กับโจทก์ ทำให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทได้รับความเสียหาย ได้ขอให้เพิกถอนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องอ้างว่าเป็นบิดาและเป็นทายาทของโจทก์ ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์

จำเลยที่ 2 แถลงคัดค้านว่าผู้ร้องมิใช่บิดาและทายาทของโจทก์

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วฟังว่า ผู้ร้องเป็นบิดาของโจทก์และมีสิทธิรับมรดกของโจทก์ มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นรับมาไม่ชอบ พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จึงต้องห้ามอุทธรณ์จนกว่าศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

Share