คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5344/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยและนัดฟังคำพิพากษา แม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลยต่อศาลชั้นต้น แต่การที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวไว้ และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยก็ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวอีกนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) แล้วจำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งให้งดสืบพยานของศาลชั้นต้นได้
จำเลยขอเลื่อนคดีถึง 4 ครั้ง โดยมิได้ทำการสืบพยานจำเลยแม้แต่เพียงปากเดียว และเหตุที่ขอเลื่อนมาจากฝ่ายจำเลยทั้งสิ้น พฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยพร้อมบริวารออกไปจากตึกแถวเลขที่ 31/114,31/121 ถนนราชวิถี แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวดังกล่าว

จำเลยให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้ง

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยเรียกเงินกินเปล่าจากจำเลย และจำเลยไม่เคยเสียเงินค่าซ่อมแซมตึกแถวพิพาทเป็นเงิน 144,000 บาท ขอให้ยกฟ้องแย้ง

เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลย จำเลยขอเลื่อนคดีหลายครั้ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี จึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้ง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่งดสืบพยานจำเลย

ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย

จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยในข้อกฎหมายตามฎีกาจำเลยข้อแรกว่าคดีนี้จำเลยได้โต้แย้งคำสั่งงดสืบพยานจำเลยของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) แล้วหรือไม่ พิเคราะห์แล้วได้ความว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2540 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยและนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 30 เมษายน 2540 ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลย แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยนั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลยต่อศาลชั้นต้น แต่การที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จำเลยก็ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวอีกนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(2) แล้ว จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งให้งดสืบพยานของศาลชั้นต้นได้และศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่งดสืบพยานจำเลยชอบหรือไม่ไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ ปรากฏว่าเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 24 มกราคม 2540วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2540 และวันที่ 4 มีนาคม 2540 เวลา 8.30 นาฬิกา โดยกำชับทนายจำเลยให้เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ วันที่ 24 มกราคม 2540 จำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าจำเลยป่วยไม่สามารถไปเบิกความต่อศาลได้ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2540 เวลา 8.30 นาฬิกาตามที่นัดไว้เดิม และให้นัดสืบพยานจำเลยเพิ่มในวันที่ 4 มีนาคม 2540 เวลา8.30 นาฬิกา กับวันที่ 20 มีนาคม 2540 เวลา 13 นาฬิกา ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์2540 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าจำเลยป่วยและมิได้เตรียมพยานอื่นมาศาล ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 4 มีนาคม2540 เวลา 8.30 นาฬิกา วันที่ 20 มีนาคม 2540 เวลา 13 นาฬิกา และวันที่ 8เมษายน 2540 เวลา 8.30 นาฬิกา โดยได้กำชับทนายจำเลยให้เตรียมพยานมาให้พร้อม เมื่อถึงวันที่ 4 มีนาคม 2540 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่น ดังนี้ การที่จำเลยขอเลื่อนคดีถึง 4 ครั้ง โดยมิได้ทำการสืบพยานจำเลยแม้แต่เพียงปากเดียว และเหตุที่ขอเลื่อนมาจากฝ่ายจำเลยทั้งสิ้นพฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว

ที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อสัญญาเดิมระงับไปแล้ว โจทก์ตกลงให้จำเลยซ่อมแซมใหญ่ตึกแถวพิพาทแล้วให้จำเลยมีสิทธิอยู่ต่อไปได้อีก 5 ปี โดยคิดค่าเช่าในอัตราต่ำเดือนละ 250 บาท และจำเลยเสียค่าซ่อมแซมไปเป็นเงินจำนวน 144,000 บาทสัญญาเช่าระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่านั้นเห็นว่า คดีนี้จำเลยมีหน้าที่นำสืบว่ามีข้อตกลงอันเป็นสัญญาต่างตอบแทนกันยิ่งกว่าสัญญาเช่าตามที่วินิจฉัยมาแล้ว แต่จำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนเพราะความผิดของฝ่ายจำเลยเอง ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้เสียค่าซ่อมแซมใหญ่ตึกแถวพิพาทเป็นเงิน 144,000 บาท อันจะเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าดังที่จำเลยอ้าง

พิพากษายืน

Share