คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3622/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่จำเลยและได้เอาประกันภัย อุบัติเหตุส่วนบุคคลผู้ขับขี่ไม่ระบุนามไว้ด้วยโดยมีเงื่อนไขว่า จะใช้บังคับเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาตจากผู้เอาประกันภัย ที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยได้รับอุบัติเหตุในขณะที่กำลังขับขี่ หรือกำลังขึ้นหรือลงจากรถยนต์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้น ปรากฏว่าระหว่างอายุสัญญาพ.ผู้ขับขี่รถยนต์ของโจทก์ได้ขับรถยนต์ ดังกล่าวจะไปส่งของที่กรุงเทพมหานครระหว่างทางได้ถูกคนร้าย ชิงเอารถยนต์ไปและคนร้ายได้ฆ่าพ.ถึงแก่ความตายเนื่องจากคนร้าย มีเจตนาลักรถยนต์ของโจทก์พบศพอยู่ห่างถนนที่เกิดเหตุประมาณ 7 เส้นดังนี้ เห็นได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นแก่ พ. เป็นผลโดยตรงหรือ เนื่องมาจากการชิงทรัพย์นั่นเองและได้เกิดขึ้นขณะพ.กำลัง ขับขี่รถยนต์อยู่ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุตามกรมธรรม์ประกันภัย
ตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุมิได้ให้คำจำกัดความว่า’อุบัติเหตุ’ไว้ จึงต้องถือความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ซึ่งให้ความหมายไว้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดหรือความบังเอิญเป็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่จำเลย และได้เอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลขับขี่ไม่ระบุนามจำนวน 1 ที่นั่ง ซึ่งจำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ในกรณีที่ผู้ขับขี่ได้ถึงแก่มรณกรรมอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่ได้เกิดขึ้นแก่รถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ ต่อมาระหว่างอายุสัญญาประกันภัย รถยนต์ที่โจทก์เอาประกันภัยไว้ถูกคนร้ายชิงไป พร้อมทั้งฆ่าผู้ขับขี่ขณะรถยนต์บรรทุกมันเม็ดเพื่อนำส่งที่กรุงเทพมหานคร จำเลยไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ขอให้พิพากษาและบังคับจำเลย
จำเลยให้การว่า มรณกรรมของผู้ขับขี่รถยนต์โจทก์ที่เอาประกันภัยไว้ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุตามความหมายแห่งสัญญา แต่เกิดจากการประทุษร้ายจากบุคคลอื่นซึ่งเป็นการฆาตกรรม การที่รถยนต์คันดังกล่าวถูกคนร้ายชิงเอาไปมิใช่เป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นการกระทำโดยทุจริตจากคนร้ายที่จะเอารถยนต์คันที่ระบุไว้ในสัญญา จำเลยจึงยังไม่ผิดสัญญาและไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 30,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายเรื่องความหมายของกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเอกสารหมาย จ.3 มีข้อความว่า จะใช้บังคับเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ที่ได้รับอนุญาตจากผู้เอาประกันภัยที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ ได้รับอุบัติเหตุในขณะที่กำลังขับขี่ หรือกำลังขึ้นหรือลงจากรถยนต์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้นซึ่งหมายความว่าผู้ขับขี่ที่ได้รับอุบัติเหตุและมีผลให้ถึงแก่ความตาย ต้องเป็นผู้ที่กำลังขับขี่อยู่บนรถยนต์ในฐานะผู้ขับขี่ และต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์นั้นข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมามีว่า นายพรชัยผู้ขับขี่รถยนต์ได้ขับรถยนต์โจทก์บรรทุกของจะไปส่งที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างทางที่อำเภอคงได้ถูกคนร้ายชิงรถยนต์ไป โดยคนร้ายได้ฆ่านายพรชัยคนขับถึงแก่ความตายด้วย นายพรชัยถูกฆ่าตายเนื่องจากคนร้ายมีเจตนาลักทรัพย์รถยนต์ของโจทก์ คนร้ายมิได้มีเจตนาฆ่านายพรชัยมาแต่ต้น และนายพรชัยถูกคนร้ายทำร้ายถึงตาย พบศพห่างถนนประมาณ 7 เส้นตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ เห็นได้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นแก่นายพรชัยเป็นผลโดยตรงหรือเนื่องมาจากลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์นั่นเอง และได้เกิดขึ้นขณะกำลังขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ การที่นายพรชัยผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ถูกคนร้ายฆ่าชิงเอารถนั้นไปถือเป็นอุบัติเหตุตามกรมธรรม์หรือไม่ ตามกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุเอกสารหมาย จ.3 มิได้ให้คำจำกัดความคำว่า “อุบัติเหตุ” ไว้ จึงต้องถือความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ซึ่งให้ความหมายไว้ว่า เหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หรือความบังเอิญเป็น ดังนี้ การที่รถยนต์ถูกคนร้ายชิงไปดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุซึ่งเกิดขึ้นแก่รถยนต์ของโจทก์

Share