คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานลักทรัพย์ จึงมีผลเป็นว่าศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องในข้อหารับของโจรแล้ว ซึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์จึงต้องถือว่าข้อหารับของโจรเฉพาะจำเลยที่ 1 และที่2 ยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์โจทก์ย่อมฎีกาได้เฉพาะข้อหาลักทรัพย์เท่านั้น จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในข้อหารับของโจรซึ่งได้ยุติไปแล้วนั้นอีกไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2528)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 83, 335 ให้จำคุก

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 และให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 2

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในข้อหารับของโจร

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 เช่นนี้ปัญหามีว่า โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในข้อ 1 หารับของโจรได้หรือไม่ ปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานลักทรัพย์จึงมีผลเป็นว่าศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องในข้อหารับของโจรแล้ว ซึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์จึงต้องถือว่าข้อหารับของโจรเฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามฟ้องได้ยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้นดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์โจทก์ย่อมฎีกาได้เฉพาะข้อหาลักทรัพย์เท่านั้น จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในข้อหารับของโจรซึ่งได้ยุติไปแล้วนั้นอีกไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share