คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3569/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย มีหน้าที่ควบคุมการขนถ่ายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ วันเกิดเหตุเมื่อโจทก์ควบคุมการขนถ่ายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์เรียบร้อยแล้ว แต่ตัวแทนบริษัทเรือกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรยังมิได้ตีตราประทับตู้คอนเทนเนอร์ โจทก์กลับเสียก่อนและรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาว่า ตัวแทนบริษัทเรือและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ได้ตีตราประทับแล้ว ดังนี้ เมื่อตู้คอนเทนเนอร์ยังมิได้ตีตราประทับ อาจเป็นโอกาสให้ผู้อื่นเปิดตู้นำสินค้าไปได้ หรืออาจสับเปลี่ยนสินค้าได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจำเลยย่อมจะได้ชื่อว่าไม่ปฏิบัติหรือบกพร่องในการปฏิบัติการตรวจสอบสินค้ารับรองคุณภาพและปริมาณของสินค้า อันเป็นหน้าที่ตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ชื่อเสียงและเกียรติคุณของจำเลยย่อมจะลดน้อยถอยลงทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของจำเลยย่อมจะเสียหายไปด้วยในตัว การกระทำของโจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานและคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย เป็นกรณีที่ร้ายแรงแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย มีหน้าที่ควบคุมสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ ต่อมาจำเลยสั่งพักงานโจทก์และเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ทุจริตปลอมแปลงเอกสาร รายงานเท็จจงใจทำให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยและฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยซึ่งไม่เป็นความจริง จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมขอให้ศาลบังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานจ่ายค่าจ้างค้างชำระพร้อมดอกเบี้ย หากไม่รับกลับเข้าทำงานขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ ไม่ควบคุมการขนสินค้าเข้าตู้คอนแทนเนอร์ให้เรียบร้อย และรายงานเท็จเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง การเลิกจ้างของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่ต้องรับโจทก์กลับเข้าทำงานและไม่ต้องจ่ายเงินทุกจำนวนแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าการเลิกจ้างของจำเลยไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องรับโจทก์กลับเข้าทำงานไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแต่ต้องจ่ายค่าจ้างระหว่างที่จำเลยสั่งพักงานแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าเมื่อโจทก์ควบคุมการขนถ่ายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์เรียบร้อยแล้ว แต่ตัวแทนบริษัทเรือกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรยังมิได้ตีตราประทับตู้คอนเทนเนอร์โจทก์กลับเสียก่อน แล้วรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาว่าตัวแทนบริษัทเรือและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตีตราประทับแล้ว ดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อตู้คอนเทนเนอร์ยังมิได้ตีตราประทับเป็นสำคัญไว้อาจเป็นโอกาสให้ผู้อื่นเปิดตู้คอนเทนเนอร์นำสินค้าไปได้หรืออาจสับเปลี่ยนสินค้าได้หากการเป็นเช่นนั้น จำเลยย่อมจะได้ชื่อว่าไม่ปฏิบัติหรือบกพร่องในการปฏิบัติการตรวจสอบสินค้ารับรองคุณภาพและปริมาณของสินค้าอันเป็นหน้าที่ตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ชื่อเสียง และเกียรติคุณของจำเลยย่อมจะลดน้อยถอยลงในสายตาของผู้ซื้อและผู้ขาย ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของจำเลยย่อมจะเสียหายตามไปด้วย การกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานและคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย เป็นกรณีที่ร้ายแรงแล้ว
พิพากษายืน.

Share