คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3384/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสามบัญญัติห้ามมิให้เจ้าหนี้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อเจ้าหนี้ได้รู้หรือควรจะได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกเท่านั้นการที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า ส. ตายเมื่อวันที่27 เมษายน2527 เป็นการแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าเจ้ามรดกตายเมื่อไรอันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงที่โจทก์ได้รู้หรือควรจะได้รู้ถึงการตายของเจ้ามรดกโจทก์ไม่ได้กล่าวถึง เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาออายุความ ข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ได้รู้หรือควรจะได้รู้ถึงการตายของเจ้ามรดกเมื่อใดเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี โจทก์จำเลยนำสืบได้ การที่ศาลชั้นต้นด่วนสั่งงดสืบพยานโจทก์และวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นโดยยังไม่ทราบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ชอบควรให้โจทก์จำเลยสืบพยานในประเด็นแห่งคดีทุกประเด็นให้สิ้นกระแสความก่อนแล้วจึงพิจารณาพิพากษาไปตามรูปคดี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเป็นทายาทโดยธรรมของนายส้าช่างเหล็ก ผู้ตาย โดยจำเลยที่ 1 เป็นภริยา จำเลยที่ 2 ที่ 3เป็นบุตร โดยเฉพาะจำเลยที่ 3 นั้นยังเป็นผู้จัดการมรดกของนายส้า ช่างเหล็ก ตามคำสั่งศาลนายส้า ช่างเหล็ก ได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ จำนวน 10,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้ว นายส้าช่างเหล็กไม่ชำระต้นเงินคืนพร้อมทั้งดอกเบี้ย จนกระทั่งต่อมาวันที่ 27 เมษายน 2527 นายส้า ช่างเหล็ก ได้ถึงแก่ความตาย จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมต้องรับผิดใช้ต้นเงินกู้พร้อมกับดอกเบี้ย ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินกู้แก่โจทก์พร้อมกับดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า นายส้า ช่างเหล็ก ไม่ได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ สัญญากู้ตามฟ้องเป็นกู้ปลอม จำเลยที่ 1 ที่ 2ไม่ใช่ทายาทของนายส้า ช่างเหล็ก หากฟังว่าเป็นทายาท จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยังไม่ได้รับมรดกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ นายส้า ช่างเหล็ก ถึงแก่ความตายตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน2527 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 5 กันยายน2528 พ้นกำหนด 1 ปี ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานและได้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นว่า เจ้ามรดกถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2527 โจทก์ฟ้องทายาทเป็นจำเลยเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2528 พ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754วรรคสาม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเพียงว่าคดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าว โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้นายส้า ช่างเหล็ก ผู้ตายฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามในฐานะผู้รับมรดกและจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายด้วย ชำระหนี้ที่ผู้ตายกู้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวนหนึ่งโดยโจทก์บรรยายฟ้องว่นายส้า ช่างเหล็กตายเมื่อวันที่27 เมษายน 2527 ซึ่งโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2528อันเป็นระยะเวลาพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันนายส้า ช่างเหล็กตาย ในปัญหาเรื่องอายุความนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1754 วรรคสาม บัญญัติว่า ‘ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 189 แห่งประมวลกฎหมายนี้ ถ้าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้อันมีต่อเจ้ามรดกมีอายุความยาวกว่าหนึ่งปี มิให้เจ้าหนี้นั้นฟ้องร้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อเจ้าหนี้ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก’ จากตัวบทกฎหมายดังยกขึ้นกล่าวจะเห็นว่า กฎหมายห้ามมิให้เจ้าหนี้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อเจ้าหนี้ได้รู้หรือควรจะได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกเท่านั้น การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายส้า ช่างเหล็กตายเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2527 นั้น เห็นว่า เป็นการกล่าวแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าเจ้ามรดกตายเมื่อไรอันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงที่โจทก์ได้รู้หรือควรจะได้รู้ถึงการตายของเจ้ามรดก โจทก์ไม่ได้กล่าวถึง เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ข้อเท้จจริงที่ว่าดจทก์ได้รู้หรือควรจะได้รู้ถึงการตายของเจ้ามรดกเมื่อใดเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี โจทก์จำเลยนำสืบได้ ไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบดังจำเลยฎีกาแต่ประการใดการที่ศาลชั้นต้นด่วนงดสืบพยานโจทก์ และวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นโดยยังไม่ทราบข้อเท้จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ชอบ ควรให้โจทก์จำเลยสืบพยานในประเด็นแห่งคดีทุกประเด็นให้สิ้นกระแสความก่อนแล้วจึงพิจารณาพิพากษาไปตามรูปคดี
พิพากษายืน.

Share