คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำกระจกเข้ามาในราชอาณาจักรและสำแดงราคาเพื่อเสียภาษีอากรตามที่ซื้อมา แต่เป็นราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาสินค้าซึ่ง จำเลยได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาสินค้ากระจกที่โจทก์นำเข้าในครั้งก่อน ๆ เมื่อปรากฏว่าในระหว่างเวลานำเข้านั้นราคากระจกลดลงเพราะราคาน้ำมันดิบลดลงค่าขนส่งลดลง เงินฟรังก์ของฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศที่โจทก์ซื้อกระจกมีค่าต่ำลง และบัญชีกำหนดราคาสินค้าดังกล่าวถูกยกเลิกโดยบริษัทผู้ผลิตและใช้บัญชีใหม่แทน จำเลยจึงไม่อาจใช้ราคาตามที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาสินค้าดังกล่าวเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มราคากระจกและเก็บภาษีอากรเพิ่มเติมจากโจทก์ได้ ราคากระจกที่โจทก์สำแดงไว้ดังกล่าวเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามความในมาตรา 2 ของ พระราชบัญญัติ ศุลกากร พุทธศักราช 2469 การเสียภาษีอากรของโจทก์ตามราคาที่โจทก์สำแดงไว้ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลและให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่าการประเมินอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลชอบด้วยกฎหมายขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ‘ประเด็นในเรื่องอำนาจฟ้องและเรื่องอายุความเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางส่วนประเด็นที่ว่าการประเมินราคาสินค้าและภาษีอากรชอบหรือไม่นั้นทั้งสองฝ่ายนำสืบโต้เถียงกันโดยโจทก์นำสืบว่าได้สำแดงราคากระจกทั้ง 13 ใบขนตามราคาขายส่งเงินสดตามความในมาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2469 ปรากฏรายละเอียดตามเอกสารหมายจ.46 และเสียภาษีอากรโดยถูกต้องฝ่ายจำเลยนำสืบว่า โจทก์สำแดงราคากระจกทั้ง 13 ใบขนต่ำกว่าที่กำหนดในบัญชีราคาสินค้า(PRICELIST)ตามเอกสารหมาย จ.58 ซึ่งจำเลยใช้เป็นเกณฑ์ประเมินราคาสินค้า (กระจก) คิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐต่อ 1 ตารางเมตรคือกระจกทีมีความหนา 5 มม. ราคา 10.55 เหรียญสหรัฐกระจกหนา 6 มม.ราคา 12.27เหรียญสหรัฐกระจกหนา 8 มม. ราคา 17.65 เหรียญสหรัฐกระจกหนา 10 มม.ราคา 22.28 เหรียญสหรัฐและกระจกหนา 12 มม. ราคา 27.02 เหรียญสหรัฐ
สำหรับเหตุที่โจทก์สำแดงราคากระจกที่นำเข้าแตกต่างกันคือมีราคาสำแดงตามลำดับดังปรากฏตามใบขนเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.14 และตามบัญชีแสดงราคากระจกที่นำเข้าตามเอกสารหมาย จ.46 โดยอ้างว่าราคาน้ำมันดิบค่าขนส่งและอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเงินฝรั่งเศสมีค่าลดลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐนั้น นายวันชัย เอื้อสุวรรณกุลเบิกความว่าราคาน้ำมันดิบในปีพ.ศ.2523 ราคาบาเรลละประมาณ 34เหรียญสหรัฐในปีพ.ศ.2527 ราคาบาเรลละประมาณ 16 เหรียญสหรัฐถ้าคิดระหว่างปีพ.ศ.2523-2526 ราคาน้ำมันดิบลดประมาณร้อยละ 60จำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธว่าน้ำมันดิบมิได้ลดราคานายสุธน บัวสรวงพยานจำเลยเบิกความแต่เพียงว่าตั้งแต่ปีพ.ศ.2524 ถึง 2526 ไม่แน่ใจว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงหรือไม่ ดังนี้จึงต้องฟังว่าราคาน้ำมันดิบลดลงดังที่โจทก์นำสืบ
ส่วนค่าขนส่งนั้นเมื่อฟังว่าในระหว่างปีพ.ศ.2523-2526 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลง อัตราค่าระวางก็ย่อมจะต้องลดลงเป็นธรรมดานอกจากนั้นโจทก์ยังได้อ้างเอกสารแสดงอัตราค่าระวางที่ลดลงมาเป็นหลักฐานดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.15 (แผ่นที่ 4) จ.18(แผ่นที่ 4) และ จ.23 แผ่นที่ 4 คือค่าระวางต่อ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ในปีพ.ศ.2524 เป็นเงิน 1,978.80 เหรียญสหรัฐพ.ศ.2524 เป็นเงิน1,552.67 เหรียญสหรัฐและสำหรับปีพ.ศ.2526 ค่าระวางต่อ 1ตู้คอนเทนเนอร์ลดเหลือเพียง 1,204 เหรียญสหรัฐนางสาวรัตนา กสิกิจพยานจำเลยก็เบิกความยอมรับว่าได้ตรวจดูใบอินวอยซ์ปรากฏว่าค่าขนส่งลดลง แต่อ้างว่าลดลงเล็กน้อยจึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าค่าขนส่งหรือค่าระวางลดลง
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินฝรั่งเศสกับเงินเหรียญสหรัฐเมื่อคิดเทียบกับเงินบาทที่นายพรชัย เอื้อสุวรรณกุลเบิกความว่าค่าของเงินฝรั่งเศสลดลงตั้งแต่พ.ศ.2523 1 เหรียญสหรัฐแลกได้ 4.175 ฟรังก์ฝรั่งเศสจนในปีพ.ศ.2526 1 เหรียญสหรัฐแลกได้ 8.25 ฟรังก์ฝรั่งเศสนั้น โจทก์ก็ได้อ้างบัญชีอัตราแลกเปลี่ยนของทางราชการมาเป็นหลักฐานดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.47 ถึง จ.56 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินฝรั่งเศสลดลงดังที่โจทก์นำสืบเป็นที่รู้และเข้าใจกันทั่วไปว่าเมื่อราคาน้ำมันดิบลดลงค่าระวางหรือค่าขนส่งสินค้าลดลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเปลี่ยนแปลงไปย่อมส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าอย่างไม่มีปัญหาเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในระหว่างปีพ.ศ.2523 ถึง 2526 ราคาน้ำมันดิบลดลงค่าขนส่งลดลงเงินฟรังก์ของฝรั่งเศสมีค่าต่ำลงจึงเชื่อว่าราคากระจกย่อมลดลงดังที่โจทก์นำสืบนอกจากเหตุผลดังกล่าวโจทก์ยังอ้างโทรพิมพ์ซึ่งโจทก์และบริษัทผู้ผลิตในฝรั่งเศสใช้ติดต่อสอบถามราคาและสั่งซื้อมาประกอบเป็นหลักฐานดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.28 ถึง จ.45สำหรับหลักฐานของฝ่ายจำเลยที่แสดงว่าโจทก์สำแดงราคาในใบขนทั้ง 13 ฉบับต่ำกว่าความเป็นจริงก็โดยอาศัยบัญชีราคาสินค้าตามเอกสารหมาย จ.58 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าบัญชีราคาสินค้าตามเอกสารหมายจ.58 บริษัทผู้ผลิตจัดทำสำหรับกระจกในเดือนตุลาคม 2523 แต่กระจกที่โจทก์นำเข้ามานี้นำเข้าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2524 ถึงธันวาคม2526 อันเป็นเวลาห่างกันประมาณ 1-3 ปีราคาย่อมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปยิ่งกว่านั้นบัญชีราคาสินค้า (กระจก) ตามเอกสารหมาย จ.58 ซึ่งเป็นของบริษัทกลาเชคโคนั้นโจทก์ก็ได้อ้างหนังสือของบริษัทกลาเชคโคมาเป็นหลักฐานว่าบัญชีราคาสินค้าสำหรับเดือนธันวาคม 2524 อันเป็นบัญชีราคาสินค้าภายหลังเอกสารหมาย จ.58 ถูกยกเลิกแล้วจึงแสดงอยู่ในตัวว่าบัญชีราคาสินค้า (กระจก) ของบริษัทกลาเชคโคสำหรับเดือนตุลาคม 2523 ตามเอกสารหมาย จ.58 ได้ถูกยกเลิกไปก่อนแล้ว ดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.59 นอกจากบัญชีราคาสินค้าตามเอกสารหมาย จ.58 แล้วข้ออ้างของจำเลยก็มีแต่เพียงว่าทางกรมศุลกากรไม่ค่อยจะเชื่อหลักฐานทางโทรพิมพ์เพราะเกรงว่าผู้ซื้อและผู้ขายจะสมคบกันตั้งราคา ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าข้ออ้างดังกล่าวจะนำมาใช้ในทุกกรณีหาได้ไม่ด้วยเหตุผลดังวินิจฉัยมาข้อเท็จจริงฟังได้ว่าราคากระจกในใบขนทั้ง 13 ฉบับตามเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.14 ได้สำแดงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือราคาขายส่งเงินสดตามความในมาตรา 2แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2509 และโจทก์ได้ชำระภาษีอากรโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วการที่เจห้าพนักงานของจำเลยทำการประเมินภาษีอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้เพิกถอนการประเมินอากรขาเข้าภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาลสำหรับสินค้ากระจกทั้ง 10 ใบขนตามเอกสารหมาย จ.2ถึง จ.14 และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 955,005.69 บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.625 ต่อเดือน (หรือ 7.5 ต่อปี) นับแต่วันที่ได้ชำระอากรหรือวางเงินประกันตามมาตรา 112 จัตวาแห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพุทธศักราช 2469 กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 9,500 บาท’.

Share