แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 78,160 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพัน บาท หรือทั้งจำทั้งปรับดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อ ว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถชนผู้ตายแล้ว ความผิดในข้อหาดังกล่าวจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์รับพิจารณาในข้อหานี้โดยลงโทษจำเลยก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในข้อหาดังกล่าว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ชนนายวีระ กิ้มเส็ง ถึงแก่ความตายด้วยความประมาทหลังเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร และไม่ได้ไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงในทันที เจ้าพนักงานยึดได้ป้ายรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ 1 ชิ้น จากที่เกิดเหตุเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160 และสั่งคืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้คืนของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดในข้อหาหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 ให้จำคุก 1 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ชนผู้ตาย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบกดังฟ้องโจทก์นั้น เห็นว่าความผิดในข้อหาขับรถชนคนตายแล้วหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 มีกำหนดอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ขับรถชนผู้ตายแล้วจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์รับพิจารณาในข้อหานี้โดยลงโทษจำเลยมานั้น จึงไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”