แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยจากคดีอื่น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดดังกล่าวแก่โจทก์ เป็นการจ่ายเงินที่อายัดตามความหมายของตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงต้องคิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของจำนวนเงินที่จ่าย
จำเลยผิดนัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์จึงนำยึดที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลงดการขายทอดตลาด และโจทก์แถลงของดการขายทอดตลาดด้วย ต่อมาโจทก์ขออายัดเงินในคดีอื่นซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับศาลส่งเงินมาให้ตามที่โจทก์อายัดและโจทก์ได้รับชำระหนี้คดีนี้ครบถ้วน จึงถอนการยึดที่ดินเช่นนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าธรรมเนียมการยึดที่ดินแล้วไม่มีการขายเป็นดุลพินิจของศาลว่า สมควรให้คู่ความฝ่ายใดเป็นฝ่ายเสียเป็นจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน ดังนี้ เมื่อโจทก์ต้องนำยึดที่ดินโดยถือได้ว่าเป็นความผิดของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่มีการขาย.
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งเจ็ดทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล และศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมจำเลยทั้งเจ็ดผิดนัด โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 7 จำนวน 2 ครั้งรวม 102 โฉนดเพื่อขายทอดตลาด ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลงดการขายทอดตลาดไว้ก่อน ศาลอนุญาตโจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยซึ่งมีสิทธิได้รับในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 4198/2523 ศาลสั่งจ่ายเงินที่อายัดดังกล่าวแก่โจทก์ โจทก์แถลงขอถอนการยึดที่ดิน102 โฉนด จำเลยยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีคิดค่าธรรมเนียมการอายัดเงินร้อยละ 3 ครึ่งของเงินจำนวน 1,465,975 บาท เป็นเงิน 54,809.13 บาท กับค่าธรรมเนียมถอนการยึดที่ดินและไม่มีการขายเป็นเงิน 123,728.50 บาทไม่ถูกต้อง การอายัดเงินชอบที่จะคิดร้อยละ 1 ส่วนค่าธรรมเนียมยึดที่ดินแล้วไม่มีการขายโจทก์มีหน้าที่เสีย โจทก์นำยึดทรัพย์เกินกว่าพอที่จะชำระหนี้ ขอให้มีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมการยึดที่ดินแล้วไม่มีการขายเป็นเงิน 123,728.50 บาท และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีคืนเงินจำนวนนี้แก่จำเลย กับให้คืนค่าธรรมเนียมการอายัดเงินที่เกินไปในอัตราร้อยละ 2 ครึ่งแก่จำเลยเป็นเงิน 39,149.08 บาท
โจทก์ที่ 2 แถลงคัดค้านว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดติดจำนอง เมื่อหักหนี้จำนองออกแล้วจะมีมูลค่าไม่พอที่จะชำระหนี้แก่โจทก์ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดจำนวน 1,565,975 บาทแก่โจทก์ เป็นการจ่ายเงินที่อายัดตามความหมายของตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจึงต้องคิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในอัตราร้อยละ 3ครึ่งของจำนวนเงินดังกล่าว
ฎีกาข้อต่อไปข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยผิดนัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอม โจทก์จึงต้องนำยึดที่ดิน 102 โฉนด ของจำเลยที่ 7 เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ จำเลยทั้งเจ็ดเองเป็นฝ่ายยื่นคำร้องลงวันที่ 9 ตุลาคม 2523 ขอให้ศาลงดการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว และโจทก์แถลงของดการขายทอดตลาดด้วย ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดการขายทอดตลาด ต่อมาโจทก์ทั้งสองจึงขออายัดเงินในคดีแพ่งดังกล่าว เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาคดีดังกล่าวให้จำเลยทั้งเจ็ดชนะคดีศาลแพ่งจึงส่งเงินตามที่โจทก์ทั้งสองอายัดมาในคดีนี้ โจทก์ทั้งสองได้รับชำระหนี้คดีนี้ครบถ้วนจึงขอถอนการยึดที่ดิน 102 โฉนดของจำเลยที่ 7ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 บัญญัติว่า ‘ภายใต้บังคับบทบัญญัติห้ามมาตราต่อไปนี้ ความรับผิดขั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดี ย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีแต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าคู่ความฝ่ายใดจะชนะคดีเต็มตามข้อหาหรือแต่บางส่วน ศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีนั้นเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง หรือให้คู่ความแต่ละฝ่ายเสียค่าฤชาธรรมเนียมส่วนของตน หรือตามส่วนแห่งค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายได้เสียไปก็ได้ ตามที่ศาลจะใช้ดุลพินิจ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความ หรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวง
ถ้ามิได้ระบุค่าฤชาธรรมเนียมชนิดใดไว้โดยเฉพาะ ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นให้รวมถึง ฯลฯ ค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี ฯลฯ ‘การที่จะให้คู่ความฝ่ายใดเสียค่าธรรมเนียมการยึดที่ดินรายนี้แล้วไม่มีการขาย จึงเป็นดุลพินิจของศาลว่าสมควรให้คู่ความฝ่ายใดเป็นฝ่ายเสียเป็นจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน คดีนี้โจทก์ต้องนำยึดที่ดิน 102 โฉนดของจำเลยที่ 7 โดยถือได้ว่าเป็นความผิดของฝ่ายจำเลยทั้งเจ็ด ไม่ใช่ความผิดของโจทก์ทั้งสองจำเลยทั้งเจ็ดจึงต้องเป็นผู้รับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่มีการขาย เพราะจำเลยทั้งเจ็ดไม่ชำระหนี้จนเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองต้องขอหมายบังคับคดียึดทรัพย์รายนี้
พิพากษายืน.