คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2378/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานส่งคืนที่ดินส่วนที่โจทก์ครอบครอง กับเพิกถอนคำสั่งหรือพระราชกฤษฎีกาของจำเลยที่เพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินของโจทก์ และขอให้ขับไล่บุคคลที่จำเลยจัดสรรให้ครอบครองที่ดิน แต่ตามฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แย่งสิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์ และไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เสียสิทธิในที่ดินที่ครอบครองให้แก่บุคคลอื่นหรือได้มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในการครอบครองที่ดิน ทั้งโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า ในกรณีดังกล่าวจำเลยได้กระทำหรือร่วมกับผู้อื่นกระทำให้โจทก์เสียหายอย่างใดบ้าง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินตาม ล.ค.1 น.ส.3ก.และ น.ส.3 ในเขตตำบลโนนชัยศรี อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ดและกระทรวงมหาดไทยได้จดทะเบียนให้เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์สำหรับใช้เลี้ยงสัตว์ครั้นปี พ.ศ. 2524 ได้มีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ โจทก์จึงร้องเรียนต่อจำเลยขออย่าได้รบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์และมีเจ้าพนักงานที่ดินผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยตอกเสาเข็มลงในที่ดินใกล้ที่ดินของโจทก์และแจ้งว่าที่ดินของโจทก์อยู่ในเขตตามพระราชกฤษฎีกา เป็นการละเมิดสิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์ พระราชกฤษฎีกาจึงไม่ชอบ ขอให้จำเลยส่งคืนที่ดินที่โจทก์ครอบครอง ให้เพิกถอนคำสั่งหรือพระราชกฤษฎีกาของจำเลย ให้ขับไล่บุคคลที่จำเลยจัดสรรให้ครอบครองที่ดิน
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2ที่ 3 ไว้พิจารณา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่า ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 นั้น ชอบที่ศาลจะดำเนินการพิจารณาต่อไปหรือไม่เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้แย่งสิทธิครอบครองที่ดินโจทก์อย่างไรซึ่งจะเป็นเหตุให้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งคืนที่ดินตามคำขอท้ายฟ้อง และก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เสียที่ดินที่ครอบครองอยู่ให้แก่บุคคลอื่นไป หรือได้มีการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในการครอบครองที่ดินของโจทก์แต่อย่างใดเช่นกัน การที่โจทก์อ้างว่านายคมสันกับพวกซึ่งเป้นเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ด อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ได้ตอกเข็มลงในที่ดินใกล้บริเวณที่ดินของโจทก์ ก็มิได้เป็นการกระทำภายในที่ดินซึ่งโจทก์ครอบครอง และการที่นายคมสันกับพวกได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ในอาณาเขตตามพระราชกฤษฎีกานั้นอาจเป็นเพียงความเห็นหรือการคาดคะเนของบุคคลดังกล่าว ไม่มีพฤติการณ์ที่สนับสนุนให้เห็นว่าเป็นจริงเช่นนั้น ทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่นายคมสันกับพวกแจ้งแก่โจทก์นั้นโดยเฉพาะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นเหตุทำให้โจทก์เสียหายอย่างใดบ้าง จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้โต้แย้งสิทธิหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่จำต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share