คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เบิกอะไหล่ของจำเลยผู้เป็นนายจ้างไปหลายชิ้นเพื่อซ่อมรถยนต์โดยสารของจำเลย บางชิ้นได้นำไปเปลี่ยนใส่ในรถยนต์โดยสารของจำเลยแล้ว บางชิ้นก็คงเก็บไว้ในตู้เก็บอะไหล่ที่ที่ทำงานของโจทก์ เมื่อจำเลยไม่มีระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรห้ามกระทำ ดังนั้นจำเลยจะเอาธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาเป็นเวลานานแล้วมาอ้างว่าเป็นระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยโดยถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง และเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์หาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยตำแหน่งช่างเครื่องจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์เบิกอะไหล่ไปซ่อมรถของจำเลย 3 คันแล้วไม่นำอะไหล่ไปเปลี่ยนให้แก่รถของจำเลยดังกล่าวซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมเพราะโจทก์เพียงแต่สับเปลี่ยนอะไหล่รถผิดคันเท่านั้น มิได้ทุจริตและจำเลยไม่มีระเบียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ทั้งอะไหล่ที่เบิกไปก็ยังอยู่ครบ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินกองทุนบำเหน็จ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยให้โจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์เบิกอะไหล่ไปหลายรายการไปเพื่อซ่อมและเปลี่ยนให้รถของจำเลย 3คันแต่โจทก์กลับให้นายอนันต์ ฤทธิพันธ์ผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์นำอะไหล่ที่ขอเบิกมา ไปเก็บครอบครองไว้โดยมีเจตนาร่วมกันทุจริต จำเลยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนโจทก์แล้ว เห็นว่าโจทก์กระทำผิดจริงและเป็นการปฏิบัติผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรง คณะกรรมการมีความเห็นให้ลงโทษปลดออกโดยไม่ได้รับบำเหน็จแต่โจทก์ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนจึงปราณีลดโทษให้เหลือเพียงให้ออกจากงานโดยได้รับบำเหน็จ จึงเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมแล้วโดยจำเลยไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าจำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และการกระทำของโจทก์ถือว่าเป็นการปฏิบัติผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรงศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อจำเลยหรือมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต ไม่มีระเบียบของจำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรห้ามกระทำ และเคยมีการกระทำเช่นนี้มาก่อนเพียงแต่ต้องมีการขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น อะไหล่ที่โจทก์เบิกไปปรากฏว่ามีการนำไปใส่ในรถบางชิ้น ส่วนบางชิ้นก็คงเก็บไว้ในตู้เก็บอะไหล่ที่ที่ทำงานของโจทก์ ทั้งการกระทำของโจทก์ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานกรณีร้ายแรงที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ว่าระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยไม่จำเป็นต้องกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะไม่มีกฎหมายหรือข้อบังคับของจำเลยที่ระบุว่าระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยต้องกำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรจึงจะใช้บังคับได้ การที่โจทก์ฝ่าฝืนธรรมเนียมปฏิบัติของจำเลยที่เคยกระทำติดต่อกันมาเป็นเวลานานย่อมถือว่าฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานแล้วศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยไม่มีระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นจำเลยจะเอาธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาเป็นเวลานานแล้วมาอ้างว่าเป็นระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยโดยถือว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรงและเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์หาได้ไม่
พิพากษายืน.

Share