แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลรัษฎากรได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วว่า เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระค่าภาษี จะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่ม ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเก็บดอกเบี้ยจากค่าภาษีที่ค้างชำระอีก
จำเลยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ แม้จะใช้แบบพิมพ์คำร้องมิได้ใช้แบบพิมพ์อุทธรณ์ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับมาโดยมิได้สั่งให้ทำใหม่ ก็พออนุโลมว่าเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายได้
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากร ฯ มาตรา 25 ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีที่มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ปัญหาว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ สินค้าที่นำเข้ามีราคาที่แท้จริงเป็นจำนวนเท่าใด เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าภาษีอากรพร้อมด้วยเงินเพิ่มจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ประเด็นแห่งคดีที่ศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดมีเพียงว่าข้ออ้างของโจทก์ตามที่กล่าวในฟ้องนั้นมีมูลที่จำเลยจะต้องรับผิดหรือไม่คดีไม่มีประเด็นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เพราะจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้แม้ศาลภาษีอากรกลางจะวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้มาก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
ย่อยาว
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระอากรขาเข้า ภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาล และเงินเพิ่มถึงวันฟ้องเป็นจำนวน 49,526.18บาทและเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนเป็นเงินเดือนละ 191 บาท แก่โจทก์นับถัดจากวันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จ โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินเพิ่มภาษีการค้าและเงินเพิ่มภาษีเทศบาลนับถัดจากวันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ซึ่งใช้บังคับในขณะที่จำเลยนำสินค้าเข้ามานั้นได้บัญญัติไว้ว่า ถ้าผู้ประกอบการค้าไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของภาษีที่ต้องชำระและในมาตรา 89 ทวิ วรรคท้าย ได้บัญญัติไว้อีกว่าเงินเพิ่มตามมาตรานี้มิได้เกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระ แสดงว่าประมวลรัษฎากรได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วว่า เมื่อลูกหนี้ผิดนัด จะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่ม และเงินเพิ่มนี้ต้องไม่เกินจำนวนภาษี ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาล หรือจากเงินเพิ่มภาษีการค้าหรือเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลที่ค้างชำระ ที่ศาลภาษีอากรกลางไม่ให้จำเลยรับผิดเสียดอกเบี้ยจากเงินเพิ่มภาษีการค้าและเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยนั้น ปรากฏว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์เป็นสองฉบับ ฉบับแรกทำเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง อ้างว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ฉบับที่สองทำเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ สำหรับคำฟ้องอุทธรณ์นี้ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยแต่เฉพาะอุทธรณ์ข้อ 2.3 และข้อ 2.4 ซึ่งศาลภาษีอากรกลางเห็นว่า เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่า มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การนั้น แม้จำเลยจะใช้แบบพิมพ์คำร้องมิได้ใช้แบบพิมพ์อุทธรณ์ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับมาโดยมิได้สั่งให้ทำมาใหม่ ก็พออนุโลมให้ถือว่าเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายได้ สำหรับปัญหาที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่นั้น ปรากฏว่า คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามมาตรา25 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 ที่จำเลยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงจึงห้ามอุทธรณ์ตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยตามคำฟ้องอุทธรณ์ข้อ 2.3 ที่ศาลภาษีอากรกลางสั่งรับอุทธรณ์ไว้นั้น จำเลยอุทธรณ์ว่าราคาสินค้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 ทำการประเมิน ไม่ใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด เพราะสิรค้าตามบัตรราคาที่พนักงานเจ้าหน้าที่นำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีนั้น มีแหล่งกำเนิดไม่เหมือนกับสินค้าที่จำเลยนำเข้า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าสินค้าที่จำเลยนำเข้าจะมีราคาอันแท้จริงเป็นจำนวนเท่าใดนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งคดีนี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้วศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยตามคำฟ้องอุทธรณ์ข้อ 2.4 ที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าภาษีอากรพร้อมด้วยเงินเพิ่ม จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ประเด็นแห่งคดีที่ศาลต้องวินิจฉัยชี้ขาดจึงมีแต่เพียงว่า ข้ออ้างของโจทก์ตามที่กล่าวในฟ้องนั้นมีมูลที่จำเลยจะต้องรับผิดตามกฎหมายหรือไม่ คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เพราะจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ ฉะนั้น ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความด้วยนั้นจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น เมื่อคดีไม่มีประเด็นเรื่องอายุความเช่นนี้ แม้ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้มาก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยอีกเช่นกัน
ที่ศาลภาษีอากรกลางรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและรับอุทธรณ์ข้อ 2.3 และข้อ 2.4 ของจำเลยไว้นั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ยกคำร้องและอุทธรณ์ของจำเลยเสีย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมส่วนของโจทก์ให้เป็นพับ คืนค่าคำร้องและค่าขึ้นศาลในชั้นนี้ให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 วรรคแรก.