คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันความว่า จำเลยยินยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ตกลงชำระเงินแก่จำเลย 2,500 บาท และยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งชาย คลองหน้าคันดินพิพาทด้วย ศาลพิพากษาตามยอมดังนี้ เมื่อที่พิพาทเป็นที่มีโฉนด มีชื่อ โจทก์ เป็นเจ้าของ การที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยสอดเข้ามาเกี่ยวข้อง ย่อมหมายความว่า ยินยอมให้เฉพาะตัวจำเลย และการที่โจทก์ได้ชำระเงิน 2,500 บาท ตอบแทนความยินยอมของจำเลยแล้ว ยังยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งที่ชาย คลองหน้าที่พิพาทอีก แสดงว่าไม่ใช่เป็นการยินยอมที่ให้ผูกพันตลอดไป ฉะนั้น เมื่อจำเลยตาย สิทธิของจำเลยย่อมระงับไปไม่ตก ทอดแก่ทายาท ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรจึงจะขอรับมรดกความต่อไปมิได้.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยว่าเข้ามาปลูกผักในที่ดินของโจทก์ ขอให้จำเลยย้ายทรัพย์สินและบริการออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การว่าที่ดินเป็นของกรมชลประทานไม่ใช่ของโจทก์ ในที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามสัญญาดังกล่าวแล้ว
ต่อมาจำเลยตาม ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรจำเลยร้องขอรับมรดกความอ้างว่าตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 4 โจทก์ยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งชายคลองหน้าคันดินพิพาท บัดนี้โจทก์ไม่ยอมให้ผู้ร้องปลูกผักบุ้งชายคลองหน้าคันดินพิพาท เป็นการผิดข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอม ขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกความของจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 4 ยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งชายคลองหน้าคันดินพิพาทนั้น เป็นเรื่องผูกมัดให้โจทก์ต้องปฏิบัติต่อจำเลยเป็นการเฉพาะตัวเท่านั้น สิทธิของจำเลยในการปลูกผักบุ้งที่ชายคลองหน้าคันดินไม่ใช่สิทธิที่จะตกทอดเป็นมรดกแก่ทายาท ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องเข้ามาในคดีเพื่อขอดำเนินการบังคับคดีกับโจทก์ต่อไป ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ผู้ร้องอ้างถึงสิทธิของผู้ร้องเกิดจากการที่จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ตามสัญญาดังกล่าวจำเลยยินยอมให้ที่พิพาทเป็นที่ดินของโจทก์ โจทก์ตกลงชำระเงินแก่จำเลย 2,500 บาท และยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งชายคลองหน้าคันดินพิพาทด้วย เห็นว่า เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 เจ้าของที่ดินมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินของตน การที่โจทก์ยินยอมให้จำเลยสอดเข้ามาเกี่ยวข้องปกติย่อมหมายความว่า ยินยอมให้เฉพาะตัวจำเลยเท่านั้น นอกจากนั้น ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของ โจทก์ได้ชำระเงิน 2,500 บาท ตอบแทนความยินยอมของจำเลยไปแล้ว การที่โจทก์ยังยินยอมให้จำเลยปลูกผักบุ้งที่ชายคลองหน้าคันดินพิพาทอีก เห็นได้ว่าหาใช่เป็นการยินยอมที่ให้ผูกพันตลอดไปไม่ ดังนั้นเมื่อจำเลยตาย สิทธิของจำเลยที่โจทก์ให้เป็นการเฉพาะตัวจึงระงับไปไม่ตกทอดแก่ทายาท ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาและให้ยกคำร้องชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share