คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6297/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยนำยึดทรัพย์สินของโจทก์อ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ขอให้ใช้ค่าเสียหายจำเลยให้การว่าทรัพย์สินที่นำยึดเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเช่นนี้ ข้อที่ว่าทรัพย์สินที่นำยึดเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่ของโจทก์ และลูกหนี้ตามคำพิพากษานำไปฝากโจทก์ไว้หรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่โต้เถียงกันอยู่ ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความอย่างหนึ่งอย่างใดเสียก่อนแล้วจึงจะวินิจฉัยได้ว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ไม่ควรงดสืบพยานโจทก์จำเลย เมื่อโจทก์มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าใจว่าตนถูกโต้แย้งสิทธิก็ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีได้ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2529 จำเลยทั้งสองจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงร่วมกันนำชี้เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีร้องขัดทรัพย์ เสียชื่อเสียงเกียรติคุณหรือทางทำมาหาได้ และไม่อาจขายทรัพย์ที่ถูกยึดได้ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจำเลยใช้สิทธิโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย และต่อสู้คดีอีกหลายประการ
ชั้นพิจารณา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นละเมิดพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ทรัพย์สินซึ่งจำเลยทั้งสองนำยึดไว้เป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสองเมื่อโจทก์ทั้งสองอ้างว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้เป็นของโจทก์ทั้งสอง ไม่ใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา และโจทก์ทั้งสองได้ร้องขัดทรัพย์ไว้ตามสิทธิของโจทก์ทั้งสองแล้วก็ควรจะรอฟังผลของคดีเรื่องนั้นก่อน การที่โจทก์ทั้งสองด่วนฟ้องคดีนี้เข้ามาจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ที่จำเลยทั้งสองนำยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ก็เพราะลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้นำทรัพย์สินที่ยึดไปมอบให้โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับลูกหนี้ตามคำพิพากษาให้ทำการค้าแทน จำเลยทั้งสองนำยึดทรัพย์โดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง เห็นว่าข้ออ้างของจำเลยทั้งสองที่ว่าทรัพย์สินที่นำยึดเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่ของโจทก์ทั้งสองและอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษานำไปฝากโจทก์ทั้งสองไว้ เป็นข้อเท็จจริงที่โต้เถียงกันอยู่จะต้องฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความอย่างหนึ่งอย่างใดเสียก่อนแล้วจึงจะวินิจฉัยได้ว่าจำเลยทั้งสองทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองตามฟ้องหรือไม่ ที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีโดยไม่สุจริตนั้นเห็นว่า เมื่อโจทก์ทั้งสองมีเหตุอันสมควรที่จะเข้าใจว่าตนถูกโต้แย้งสิทธิจึงย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องคดีนี้ได้
พิพากษายืน.

Share