แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 3 เป็นภริยาจำเลยที่ 2 บุคคลทั้งสองเป็นชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกัน ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2และจำเลยที่ 3 ไปพบปะพูดกับจำเลยที่ 1 ด้วยกันเมื่อจำเลยที่ 2รับห่อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 1 ใส่ถุงกระดาษถือมาที่ห้างสรรพสินค้าเที่ยวแรกแล้วจำเลยที่ 2 ก็ส่งให้แก่จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ได้เปิดดูแล้วคล้อง ถุงกระดาษไว้กับรถเข็นเด็กซึ่งมีบุตรนั่งอยู่พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 83 และริบของกลาง
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง ส่วนข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสองให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นศาล เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต ของกลางริบ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาต
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 เป็นสามีของจำเลยที่ 3 บุคคลทั้งสองเป็นชาวต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกันเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2530 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ออกจากโรงแรมแชงกรีล่าไปด้วยกัน แล้วไปพบปะสนทนากับจำเลยที่ 1 ที่ร้านอาหารแดรี่ควีนส์ชั้นล่างของห้างโรบินสัน ถนนพระราม 4 หลังจากนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับจำเลยที่ 1 แยกกันกลับ ต่อมาวันที่ 22มกราคม 2530 เวลา 10 นาฬิกาเศษ จำเลยที่ 2 ไปที่ห้างโรบินสันและได้ซื้อผ้าเด็กใส่ในถุงกระดาษของห้างโรบินสันถือเดินไปที่บริเวณลานจอดรถสวนลุมพินี แล้วเข้าไปในรถยนต์เก๋งยี่ห้อ บี เอ็ม ดับบลิวคันหมายเลขทะเบียน 3 จ – 8728 กรุงเทพมหานคร ที่จอดติดเครื่องรออยู่ประมาณ 2 นาที ก็ออกจากรถถือถุงกระดาษใบเดิมซึ่งบรรจุเฮโรอีนกลับไปยังห้างโรบินสัน ขณะนั้นจำเลยที่ 3 ไปรออยู่แล้วพร้อมด้วยบุตรซึ่งนั่งไปในรถเข็น จำเลยที่ 2 ส่งถุงกระดาษบรรจุเฮโรอีนดังกล่าวให้จำเลยที่ 3 เปิดดูแล้วนำไปคล้องไว้กับที่เข็นของรถเข็นทางด้านซ้ายมือ ต่อมาจำเลยที่ 2 แยกไปซื้อหมอนข้างเด็กสีชมพู 1 ใบใส่ถุงกระดาษของห้างโรบินสัน 1 ใบ ซึ่งเป็นใบใหญ่กว่าเดิมแล้วเดินข้ามถนนไปที่รถยนต์เก๋งยี่ห้อ บี เอ็ม ดับบลิว คันเดิมที่ยังจอดรออยู่ แล้วเข้าไปนั่งคู่กับคนขับประมาณ 2 นาที ก็ออกมาจากรถ ถือถุงกระดาษใบเดิมซึ่งบรรจุเฮโรอีนออกมาด้วย เดินกลับไปพบกับจำเลยที่ 3 ที่ห้างโรบินสันอีก แล้วเอาถุงเฮโรอีนดังกล่าวแขวนไว้กับที่เข็นของรถเข็นคู่กับถุงเฮโรอีนใบแรก และพาจำเลยที่ 3เดินออกจากห้างดังกล่าวไปทางถนนพระราม 4 โดยจำเลยที่ 2 เป็นคนเข็นรถเด็ก พฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 เป็นการร่วมกับจำเลยที่ 2มีเฮโรอีนของกลางอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองและด้วยเหตุที่ยาเสพติดให้โทษดังกล่าวมีปริมาณมากคำนวณเป็นสารเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์บริสุทธิ์ได้ถึง 4.467 กิโลกรัม จึงต้องถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วยนั้นศาลฎีกาเห็นฟ้องด้วยฎีกาจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ดีรูปคดีมีเหตุให้เชื่อว่า การที่จำเลยที่ 3 กระทำความผิดนี้เนื่องจากอิทธิพลของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสามีและเป็นคนติดยาเสพติดให้โทษเป็นต้นเหตุ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ 3 ถึงประหารชีวิตจึงยังไม่เหมาะสม เห็นสมควรวางโทษเสียใหม่ให้พอเหมาะแก่รูปคดี
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิตนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.