คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1919/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยขับรถยนต์ ชนผู้ตายนาย อ. และนาย จ. เห็นเหตุการณ์หลังจากรถยนต์ ชนผู้ตายแล้วจำได้ เพียงว่าเป็นรถยนต์ นั่งสีเทาบรอนซ์ หมายเลขทะเบียนเท่าไรจังหวัดใด ยี่ห้อใด ไม่มีใครรู้เห็นและจำได้ นาย จ. เห็นจำเลยขับรถยนต์ คันนี้ผ่านไปผ่านมาหลายครั้ง แต่ คืนเกิดเหตุก็มิได้ตาม ไปบ้านจำเลย และมิได้บอกบิดาผู้ตายในคืนเกิดเหตุว่ารถยนต์ ของจำเลยชนคนตาย แม้จะปรากฏรอยฉีก ที่ยางกันชนด้านหน้าขวาของ รถ จำเลยเป็นรอยเกิดขึ้นใหม่ ๆ และมีรอยโลหิตเป็นจุดอยู่ใกล้กับ ดวงไฟรถด้านขวาก็ตาม แต่ ผู้ชำนาญการพิเศษได้ ตรวจ พิสูจน์แล้ว ปรากฏว่า คราบโลหิตดังกล่าวเป็นโลหิตคนละหมู่กับโลหิตผู้ตาย เช่นนี้ พยานโจทก์ไม่พอฟังว่ารถยนต์ ของจำเลยชนผู้ตายโดย จำเลยเป็น คนขับ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,291 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,78, 157, 160
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 291 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 78, 157, 160 ฐานประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจำคุก 1 ปี ฐานขับรถประมาทน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ปรับ 1,000 บาท และฐานขับรถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ ไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียง เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยขับรถยนต์ชนผู้ตาย รถยนต์ที่ชนผู้ตายมีหมายเลขทะเบียนเท่าไรจังหวัดใด ยี่ห้อใด ไม่มีใครเห็นและจำได้ นายอนุสรณ์และนายจันทร์ผู้เห็นเหตุการณ์โดยใกล้ชิด ก็เห็นหลังจากรถยนต์ชนผู้ตายแล้วและจำได้เพียงว่าเป็นรถยนต์นั่งสีเทาบรอนซ์ นายจันทร์เบิกความว่าเห็นจำเลยขับรถยนต์คันนี้ผ่านไปผ่านมาหลายครั้ง วันเกิดเหตุพยานเห็นรถยนต์ชนผู้ตาย พยานได้เอารถจักรยานยนต์ขับตามไป แต่มิได้ตามไปที่บ้านจำเลยและบอกบิดาผู้ตายในคืนเกิดเหตุว่ารถยนต์ของจำเลยชนผู้ตาย นายสุริยนต์บิดาผู้ตายเบิกความว่า รู้จักจำเลยอยู่ตำบลเดียวกัน คืนเกิดเหตุไม่มีใครทราบว่ารถยนต์ที่ชนผู้ตายเป็นรถยนต์ที่ไหนและไม่มีใครไปที่บ้านจำเลย ที่มีคราบโลหิตมนุษย์ติดอยู่ใต้โคมไฟด้านหน้าขวาของรถยนต์จำเลยผู้ชำนาญการพิเศษได้ตรวจพิสูจน์แล้วเป็นโลหิตคนละหมู่กับโลหิตผู้ตาย พยานโจทก์ไม่พอฟังว่ารถยนต์ของจำเลยชนผู้ตายโดยจำเลยเป็นคนขับ…”
พิพากษายืน.

Share