แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสองกำหนดว่าถ้าโจทก์ไม่ยื่นคำขอต่อศาลภายในสิบห้าวันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การสิ้นสุดลงเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัด ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้นมีวัตถุประสงค์มิให้โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่กำหนด แต่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลเมื่อโจทก์ได้มาดำเนินกระบวนพิจารณาตามนัดทุกครั้ง แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป แม้ศาลจะได้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวไปบ้างแล้วโดยโจทก์มิได้มีคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การก่อน โจทก์ก็อาจมีคำขอต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การในภายหลังได้
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ได้มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 โดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การภายในวันที่ 19 ธันวาคม 2529 และนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 29ธันวาคม 2529 เวลา 13.30 นาฬิกา ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ได้โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2529ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์คือวันที่ 29 ธันวาคม 2529 เวลา 13.30นาฬิกา ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์ต่อไป โจทก์นำพยานเข้าสืบได้ 1 ปาก ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ต่อในวันที่ 27 มกราคม 2530 เวลา 13.30 นาฬิกา ได้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบไว้ที่หน้าศาล ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 27 มกราคม 2530 เวลา 13.30 นาฬิกา ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนพบว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้ยื่นคำให้การและโจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ เป็นการที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 198 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาในวันที่29 ธันวาคม 2529 นั้นเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 และให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เข้าใจว่าที่ศาลได้กำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 29 ธันวาคม 2529 นั้นจำเลยยื่นคำให้การแล้ว แต่ปรากฏต่อมาว่าจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การ โจทก์จึงดำเนินการสืบพยานต่อมา แสดงว่าโจทก์มีเจตนาจะดำเนินคดีต่อจำเลยต่อไป ควรให้โอกาสโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเสียก่อนนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสอง ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เห็นได้ว่ามีวัตถุประสงค์มิให้โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่กำหนด แต่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่อยู่ในดุลพินิจ เมื่อโจทก์ยื่นคำขอและศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว มาตรา 198 วรรคสาม ให้กำหนดวันสืบพยานส่งให้จำเลยทราบคดีนี้ศาลได้ประกาศวันนัดให้จำเลยยื่นคำให้การและวันนัดสืบพยานโจทก์ทางหนังสือพิมพ์แล้ว และโจทก์ได้มาดำเนินกระบวนพิจารณาตามนัดทุกครั้ง แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป และเมื่อศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเมื่อวันที่ 29ธันวาคม 2529 แล้ว โจทก์ก็อาจมีคำขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาในวันที่ 29 ธันวาคม 2529 และให้จำหน่ายคดีนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ลงวันที่ 27 มกราคม 2530 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป