แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ที่ 2 ได้ รับ เลือกเป็นนายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 แต่ ยังไม่ได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงให้โจทก์ที่ 2 เป็น นายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1284 โจทก์ที่ 2 จึงมิใช่ผู้จัดการ หรือผู้แทนอื่น ๆ ของโจทก์ที่ 1 ซึ่ง เป็นนิติบุคคลดังนั้น โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ในฐานะ สมาชิกสมาคมก็ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดที่กระทำต่อ สมาคมโจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องในนามส่วนตัวเช่นเดียว กัน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 264,265, 267, 268, 326, 328, 90 และ 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์ข้อ 2, ข้อ 3,ข้อ 4 ส่วนข้ออื่นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงไม่รับ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 267ข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,265, 268 และข้อหาหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328แต่ข้อหาหมิ่นประมาทยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคงขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาเฉพาะข้อหาแจ้งความเท็จ ปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์ที่ 1 จดทะเบียนเป็นสมาคมและเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย โจทก์ที่ 2 เป็นสมาชิกของโจทก์ที่ 1 และเพิ่งได้รับเลือกตั้งโดยที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของโจทก์ที่ 1 ให้เป็นนายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 ต่อจากนายณรงค์เสียงสุคนธ์ ซึ่งเป็นนายกสมาคมคนก่อนของโจทก์ที่ 1 แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงนายกสมาคม คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ทั้งสองว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะนายกสมาคมหรือในฐานะสมาชิกของโจทก์ที่ 1 มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 1 ได้หรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 บัญญัติว่า บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้ ฯลฯ
(3) ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคล เฉพาะความผิดซึ่งกระทำลงแก่นิติบุคคลนั้น
และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1284 บัญญัติว่าการเปลี่ยนตัวบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายเป็นผู้จัดการสมาคมนั้นต้องแจ้งแก่นายทะเบียนเพื่อจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้เปลี่ยน ดังนี้ แม้โจทก์ที่ 2 ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงให้โจทก์ที่ 2เป็นนายกสมาคมของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 จึงไม่ใช่ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล และแม้โจทก์ที่ 2จะเป็นสมาชิกของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 ก็ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 1 ส่วนที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ที่ 2 ฟ้องจำเลยเป็นความผิดต่อส่วนตัวด้วยนั้น เห็นว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะสมาชิกสมาคม ย่อมไม่ใช่ผู้เสียหาย ในความผิดที่กระทำต่อสมาคม โจทก์ที่ 2จึงไม่มีอำนาจฟ้องเช่นเดียวกัน เมื่อโจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะนายกสมาคมโจทก์ที่ 1 และในฐานะสมาชิกของโจทก์ที่ 1 แล้วไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ทั้งสองในข้ออื่นต่อไป…”
พิพากษายืน.