แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 มีเจตนารมณ์เพื่อให้ความคุ้มครองแรงงานแก่ลูกจ้างโดยบัญญัติไว้ในข้อ 47 ว่านายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้…(3) ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างและนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว… การที่จำเลยออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานว่า ลูกจ้างผู้ใดถูกใบเตือนของจำเลย3 ครั้ง จึงจะถูกให้ออกจากงานโดยไม่ได้รับเงินชดเชยใด ๆ นั้น กลับเป็นคุณแก่ลูกจ้าง โดยให้ความคุ้มครองลูกจ้างมากยิ่งขึ้นกว่าที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้นได้ให้ความคุ้มครองไว้ระเบียบข้อบังคับดังกล่าวจึงหาขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 21,300 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ขาดงาน กระทำความผิดซ้ำคำเตือน โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 10,650 บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ประการแรกว่า ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิดจำเลยต่อสู้ว่า โจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือน ประเด็นข้อพิพาทมีเพียงว่าโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนหรือไม่ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์เพราะจำเลยออกใบเตือนโจทก์ยังไม่ครบ3 ครั้ง เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นพิพาทนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิด ตามฟ้องโจทก์เช่นนี้ย่อมหมายความว่า โจทก์ไม่ได้กระทำผิดระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยนั่นเอง เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนประเด็นข้อพิพาทมีว่า โจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยหรือไม่ ดังนั้น ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าจำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ เพราะจำเลยออกใบเตือนโจทก์ยังไม่ครบ 3 ครั้ง ตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลย จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นพิพาท หาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นพิพาทดังที่จำเลยอุทธรณ์ไม่
ที่จำเลยอุทธรณ์ประการสุดท้ายว่า ข้อบังคับของจำเลยในส่วนนี้ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47อันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อบังคับของจำเลยในส่วนนี้จึงไม่มีผลบังคับใช้นั้น เห็นว่าระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยในส่วนนี้คือข้อ 17 ระบุว่า “ใบเตือนของบริษัทฯบริษัทจะลงโทษด้วยใบเตือนครั้งละ 1 ใบ (ลูกจ้างผู้ใดถูกใบเตือนของบริษัทฯ 3 ครั้ง จะถูกให้ออกจากงานโดยไม่ได้รับเงินชดเชยใด ๆทั้งสิ้น ยกเว้นค่าจ้างที่ตกค้างอยู่) ฯลฯ” ส่วนประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 ระบุว่า”นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้ ฯลฯ (3) ฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว ฯลฯ” ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวนี้ออกโดยอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อการให้ความคุ้มครองแรงงานแก่ลูกจ้าง การที่จำเลยออกระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยว่า ลูกจ้างผู้ใดถูกใบเตือนของจำเลย 3 ครั้ง จึงจะถูกให้ออกจากงานโดยไม่ได้รับเงินชดเชยใด ๆ นั้น กลับเป็นคุณแก่ลูกจ้าง โดยให้ความคุ้มครองลูกจ้างมากยิ่งขึ้นกว่าที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวได้ให้ความคุ้มครองไว้ ดังนั้น ระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยในส่วนนี้จึงหาขัดกับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47ไม่มีผลบังคับใช้ดังที่จำเลยอุทธรณ์ไม่ ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์จำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.