คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4548/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องทั้งสี่และ ส. เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดโดยได้ครอบครองร่วมกันตลอดมา ส. มีบุตร2คนเมื่อ ส. ตายผู้ร้องที่ 1 ได้เลี้ยงดูบุตรทั้งสองของ ส. โดยอยู่ในความรู้เห็นของผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4 จึงถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสี่ครอบครองที่ดินส่วนของ ส. ไว้แทนบุตรทั้งสองของ ส. เมื่อบุตร2คนของ ส.หนีออกจากบ้านไปไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสี่ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเป็นครอบครองเพื่อตน ดังนั้น แม้ผู้ร้องทั้งสี่จะครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นเวลาถึง 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสี่และนางสมพร เทวาภินิมิตรเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 1757 นางสมพรมีบุตร 2 คน ต่อมานางสมพรตาย บุตรทั้งสองของนางสมพรหนีไปจากภูมิลำเนา ผู้ร้องทั้งสี่ได้ร่วมกันครอบครองที่ดินส่วนของนางสมพรด้วยความสงบ และเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ขอให้มีคำสั่งว่าที่ดินเฉพาะส่วนของนางสมพรเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสี่
ศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวนให้บุตรทั้งสองของนางสมพรทราบแล้วไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าผู้ร้องทั้งสี่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1757 เฉพาะส่วนของนางสมพร เทวาภินิมิตร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะนางสมพรถึงแก่ความตาย นางสมพรมีบุตร 2 คน คือนางสาวกฤษณาและนายปาน เทวาภินิมิตร ดังนั้น ที่ดินเฉพาะส่วนของนางสมพรจึงเป็นทรัพย์มรดกตกได้แก่นางสาวกฤษณาและนายปานเมื่อนางสมพรตาย นางตะแกรงซึ่งเป็นยายและผู้ร้องที่ 1 ได้เลี้ยงดูบุคคลทั้งสองต่อมา โดยอยู่ในความรู้เห็นของผู้ร้องที่ 2 ถึงที่ 4จึงถือได้ว่านางตะแกรงและผู้ร้องทั้งสี่ได้ครอบครองที่ดินส่วนของนางสมพรไว้แทนนางสาวกฤษณาและนายปานซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ จนกระทั่งบุคคลทั้งสองได้หนีออกจากบ้านไปเมื่ออายุได้ประมาณ 15-16 ปีและผู้ร้องทั้งสี่ก็ยังคงครอบครองที่ดินทั้งหมดร่วมกัน ต่อมาโดยไม่ปรากฏว่าได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเป็นครอบครองเพื่อตนแต่ประการใด การที่ไปติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินก็เพียงเพื่อจะตรวจสอบว่าที่ดินยังเหลืออยู่อีกเพียงไรเท่านั้น มิใช่เป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครอง ดังนั้น แม้ผู้ร้องทั้งสี่จะได้ครอบครองที่ดินส่วนของนางสาวกฤษณาและนายปานเป็นเวลาถึงสิบปีก็ไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ที่ดินส่วนของบุคคลทั้งสองตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ผู้ร้องทั้งสี่จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของผู้ร้องทั้งสี่ในข้อกฎหมายที่ว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็นโดยได้วินิจฉัยว่าผู้ร้องทั้งสี่ก็มิใช่ทายาทของนางสมพรจึงนำบทบัญญัติมาตรา 1754 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้บังคับแก่นางสาวกฤษณาและนายปานไม่ได้ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่ชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share