แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถยนต์แท็กซี่รับจ้าง น. กับพวกจากประตูน้ำจะไปสถานีขนส่งสายใต้ เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณวงเวียนใหญ่ น. ขอลงขณะเมื่อจำเลยจอดรถคร่อมช่องทางเดินรถที่ 1 และที่ 2 น. เข้าใจว่าจำเลยจอดรถเพื่อให้ลง จึงเปิดประตูรถด้านซ้ายออกไปกระแทกถูกรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับขี่ตามหลังมาล้มลงได้รับอันตรายสาหัสเช่นนี้ การที่ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสย่อมเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของ น. ส่วนเหตุจากการที่จำเลยจอดรถนั้นไม่เป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับผลที่เกิดขึ้น ไม่ถือว่าจำเลยมีส่วนประมาทด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2531 เวลาประมาณ17.45 นาฬิกา จำเลยได้กระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ กล่าวคือจำเลยขับรถยนต์แท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน 2 ท-2850 กรุงเทพมหานครรับจ้างนางสาวนุภาพ ปัญจนาวี กับนายเรวัตร แสงเขียว จากประตูน้ำฝั่งพระนครเพื่อไปส่งที่สถานีขนส่งสายใต้ โดยนางสาวนุภาพนั่งที่เบาะหลังด้านซ้าย รถข้ามมาทางสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินแล้วเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปวงเวียนใหญ่นางสาวนุภาพได้ขอลงที่วงเวียนใหญ่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเมอรี่คิงส์ จำเลยจอดรถทันทีในช่องทางเดินรถช่องที่ 2 คร่อมช่องทางเดินรถช่องที่ 1 ในขณะที่มีรถอื่น ๆ วิ่งตามหลังรถของจำเลยมาโดยกระชั้นชิด นางสาวนุภาพเข้าใจว่าจำเลยจอดรถเพื่อให้ลง จึงเปิดประตูรถด้านซ้ายออกมาด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้ประตูรถของจำเลยไปกระแทกถูกรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน 3 ณ-2373 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายชัยพรสิวะศานต์ ขับขี่ตามหลังมาล้มลง นายชัยพรได้รับอันตรายสาหัสขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ แต่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นความผิดตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่าในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยขับรถยนต์แท็กซี่รับจ้างนางสาวนุภาพ ปัญจนาวี กับพวก จากบริเวณประตูน้ำเพื่อไปส่งที่สถานีขนส่งสายใต้ โดยนางสาวนุภาพนั่งที่เบาะหลังด้านซ้าย เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเมอรี่คิงส์วงเวียนใหญ่ นางสาวนุภาพได้ขอลงที่นั่น และขณะเมื่อจำเลยจอดรถในช่องทางเดินรถช่องที่ 2 คร่อมช่องทางเดินรถช่องที่ 1 นางสาวนุภาพเข้าใจว่าจำเลยจอดรถเพื่อให้ลง จึงเปิดประตูรถด้านซ้ายออกไปกระแทกถูกรถจักรยานยนต์ ซึ่งนายชัยพร สิวะศานต์ ผู้เสียหายขับตามหลังมาล้มลง นายชัยพรได้รับอันตรายสาหัส เห็นว่า การที่จำเลยจอดรถคร่อมช่องทางเดินรถช่องที่ 1 และที่ 2 นั้น ไม่ได้ความว่าจำเลยจอดรถเพราะเหตุใด แม้นางสาวนุภาพจะขอลงจากรถแล้วจำเลยจอดรถดังกล่าว กรณีอาจเป็นว่าจำเลยจอดรถเนื่องจากขณะนั้นการจราจรคับคั่งดังที่โจทก์บรรยายในฟ้องเพื่อจำเลยจะหาโอกาสนำรถเข้าเทียบข้างถนนด้านซ้ายให้นางสาวนุภาพลงจากรถ เพราะจำเลยยังมิได้บอกให้นางสาวนุภาพลงจากรถ และไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นที่จะทำให้เห็นได้ว่า ที่จำเลยจอดรถเช่นนั้นเพื่อให้นางสาวนุภาพลงจากรถ ตรงกันข้ามนางสาวนุภาพเข้าใจเอาเองว่าจำเลยจอดรถให้ลง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความรีบร้อนของนางสาวนุภาพที่เปิดประตูรถออกไปกระแทกถูกรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายดังกล่าวเช่นนี้ การที่ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสย่อมเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของนางสาวนุภาพ ส่วนเหตุจากการที่จำเลยจอดรถนั้นไม่เป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับผลที่เกิดขึ้น ไม่ทำให้ถือว่าจำเลยมีส่วนประมาทด้วยได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้องดังนั้นแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้”
พิพากษายืน