คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3584/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้ความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ กับความผิดต่อพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ที่โจทก์ฟ้องจะเป็นความผิดที่แยกเป็นแต่ละกรรมต่างกัน และความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลแขวงก็ตาม แต่ก็ได้กระทำลงโดยผู้กระทำความผิดคนเดียวกันและเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกัน จึงเป็นกรณีความผิดหลายเรื่องเกี่ยวพันกันซึ่งโจทก์จะฟ้องคดีทุกเรื่องต่อศาลที่มีอำนาจชำระในฐานความผิดซึ่งมีอัตราโทษสูงกว่าก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 24 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดพ.ศ. 2520 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 พร้อมกับความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษต่อศาลจังหวัดได้โดยมิต้องผัดฟ้องฝากขังจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2531 เวลากลางวัน จำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ อันเป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 จำนวน3 หลอด หนักรวม 0.06 กรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเมื่อระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2529 ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2531เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกัน จำเลยซึ่งเป็นคนสัญชาติพม่าได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยทางด้านจังหวัดระยอง โดยไม่ได้เดินทางเข้ามาตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนองตามที่รัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เหตุเกิดที่ตำบลบ่อยางอำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา และท้องที่ใดไม่ปรากฏชัดของจังหวัดระนองเกี่ยวพันกัน เจ้าพนักงานจับจำเลยได้และยึดได้เฮโรอีนดังกล่าว เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7(1), 8, 15, 67, 102ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ลงวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2522 ข้อ 1(1) พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 11, 62 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ริบของกลาง ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องของโจทก์ว่าประทับฟ้องเฉพาะข้อหาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง มาตรา 62 อยู่ในอำนาจของศาลแขวงไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ผลัดฟ้องไว้ จึงไม่รับฟ้องข้อหานี้ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ มาตรา 67 ให้จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง โจทก์อุทธรณ์ขอให้ประทับฟ้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้ความผิดต่อพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษกับความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 ที่โจทก์ฟ้องจะเป็นความผิดที่แยกเป็นแต่ละกรรมต่างกันและความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลแขวงก็ตาม แต่ก็ได้กระทำลงโดยผู้กระทำความผิดคนเดียวกันและเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกัน จึงเป็นกรณีความผิดหลายเรื่องเกี่ยวพันกัน ซึ่งโจทก์จะฟ้องคดีทุกเรื่องต่อศาลที่มีอำนาจชำระในฐานความผิดซึ่งมีอัตราโทษสูงกว่าก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 24 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 3 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 พร้อมกับความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษต่อศาลจังหวัดได้โดยมิต้องผลัดฟ้องฝากขังจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 ที่ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดและไม่รับฟ้องในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ต่อไปตามรูปคดี

Share