คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แบบคำขอบริการโทรศัพท์ที่จำเลยยื่นต่อ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เพื่อขอติดตั้งเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านของจำเลยในนามจำเลย ได้ระบุเงื่อนไขที่ผู้เช่าโทรศัพท์จะพึงปฏิบัติไว้ในข้อ 1 ว่า ผู้เช่าโทรศัพท์จะรับผิดชอบในการที่จะชำระค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์ทุกประเภทต่อ องค์การโทรศัพท์ฯตามระเบียบและข้อบังคับของ องค์การโทรศัพท์ฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและที่จะประกาศใช้ต่อไปในอนาคต ข้อ 11 ว่า ค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์ที่ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบนั้น ให้รวมถึงค่าใช้บริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลนอกเขตโทรศัพท์นครหลวง และค่าบริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศซึ่ง องค์การโทรศัพท์ฯ จะได้เรียกเก็บตามอัตราการใช้โทรศัพท์ทางไกลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และจะได้ออกบิลเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการโทรศัพท์ดังกล่าวพร้อมกับค่าเช่าโทรศัพท์ประจำเดือน จำเลยผู้เช่าโทรศัพท์จึงต้องรับผิดชำระค่าบริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศที่มีผู้พูด จาก เครื่องโทรศัพท์ที่จำเลยเป็นผู้เช่าตามเงื่อนไขดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่ว่าจำเลยจะเป็นผู้พูดเองหรือไม่ก็ตาม แม้ระเบียบปฏิบัติงานของ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย จะได้กำหนดในเรื่องการโอนโทรศัพท์ว่า ผู้ขอรับโอนต้องชำระหนี้สินให้เสร็จสิ้นก่อนการโอน หากมีหนี้สินผูกพัน ผู้ขอรับโอนจะต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วยก็ตาม เมื่อจำเลยได้โอนขายโทรศัพท์ที่ขอติดตั้งในนามจำเลยให้แก่ ท. ผู้ขอรับโอนเป็นการภายในโดยโจทก์หรือ องค์การโทรศัพท์ฯ ไม่ทราบหรือได้รู้เห็นยินยอมในการโอนและไม่ได้ความว่าขณะโอน ท. ได้ยอมรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวด้วย จำเลยจึงยังต้องรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันกับโทรศัพท์หมายเลขนั้นที่เกิดขึ้นก่อนมีการโอนอยู่หนี้สินนั้นหาได้โอนไปยัง ท. ด้วยไม่ ข้อบังคับเกี่ยวกับการเก็บเงินค่าใช้บริการของโจทก์ที่กำหนดว่าโจทก์จะส่งใบแจ้งหนี้การใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศให้ผู้ใช้บริการทราบเดือนละ 1 ครั้ง โดยทางไปรษณีย์ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องนำใบแจ้งหนี้ไปชำระค่าบริการให้แก่โจทก์ภายในเวลาที่ระบุในใบแจ้งหนี้ ไม่ใช่หมายความว่า โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้ไปให้ องค์การโทรศัพท์ฯ ช่วยเรียกเก็บเงินค่าพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ใช้บริการ โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้และหนังสือเตือนไปยังจำเลยที่บ้านตั้งแต่เดือนมกราคม 2526 โดยกำหนดให้ชำระค่าบริการภายในวันที่ 18 มีนาคม 2526 หากไม่ชำระภายในกำหนดจะระงับการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศไว้จนกว่าจะได้นำเงินมาชำระให้ครบถ้วน เมื่อปรากฏว่าโจทก์สามารถตรวจสอบทราบตั้งแต่เดือนเมษายน2526 แล้วว่า ผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ การที่โจทก์ได้ปล่อยให้มีการใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจนถึงเดือนกรกฎาคม 2526ถือว่าโจทก์เป็นผู้ผิดในความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ตน จำเลยจึงควรต้องรับผิดชำระหนี้ค่าใช้บริการดังกล่าวแก่โจทก์เฉพาะในเดือนมกราคม ถึงเมษายน 2526 เท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้เช่าโทรศัพท์จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้มีการใช้โทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวติดต่อไปยังยังต่างประเทศหลายครั้ง โจทก์แจ้งหนี้ไปเรียกเก็บค่าใช้บริการจากจำเลยแล้ว จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าบริการพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ขอติดตั้งโทรศัพท์กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย จำเลยจึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ นับแต่วันติดตั้งโทรศัพท์เสร็จ จำเลยได้โอนโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวให้ผู้อื่นไปแล้ว จำเลยไม่เคยใช้บริการโทรศัพท์นี้เลย หนี้ค่าใช้บริการโทรศัพท์เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของโจทก์เองที่สามารถระงับไม่ให้เกิดหนี้ได้ แต่ไม่กระทำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าจำเลยเป็นผู้เช่าโทรศัพท์หมายเลข 277-7083 จำเลยให้ติดตั้งโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวไว้ที่บ้านเลขที่ 74/69 ในนามของจำเลย จำเลยได้โอนขายให้ผู้อื่นเป็นการภายในของจำเลยเอง โจทก์หรือองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยมิได้รู้เห็นยินยอมหรือทราบการโอนนั้นแต่ประการใด จำเลยเพิ่มดำเนินการโอนให้แก่นางทองพรรณโดยถูกต้องเมื่อเดือนตุลาคม 2526 ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศ เพราะจำเลยไม่เคยใช้บริการดังกล่าว ทั้งจำเลยได้โอนโทรศัพท์หมายเลข 277-7083ให้แก่นางทองพรรณไปแล้ว ความรับผิดเกี่ยวกับหนี้สินที่ผูกพันหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวจึงโอนไปเป็นหน้าที่ของนางทองพรรณผู้รับโอน ตามระเบียบขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยนั้น เห็นว่าตามแบบคำขอบริการโทรศัพท์ที่จำเลยยื่นต่อองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เพื่อขอติดตั้งเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.9 มีระบุเงื่อนไขที่ผู้เช่าโทรศัพท์จะพึงปฏิบัติรวม11 ข้อ ซึ่งจำเลยได้ลงชื่อรับทราบไว้แล้วเงื่อนไขดังกล่าวข้อ 1มีความว่า “ผู้เช่าโทรศัพท์จะรับผิดชอบในการที่จะชำระค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์ทุกประเภทต่อองค์การโทรศัพท์ฯ ตามระเบียบและข้อบังคับขององค์การโทรศัพท์ฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่จะประกาศใช้ต่อไปในอนาคต” ข้อ 11 มีความว่า “ค่าเช่าและค่าใช้บริการโทรศัพท์ที่ผู้เช่าจะต้องรับผิดชอบนั้น ให้รวมถึงค่าใช้บริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลนอกเขตโทรศัพท์นครหลวง และค่าบริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ ซึ่งองค์การโทรศัพท์จะได้เรียกเก็บตามอัตราการใช้โทรศัพท์ทางไกลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และจะได้ออกบิลเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการโทรศัพท์ดังกล่าวพร้อมกับค่าเช่าโทรศัพท์ประจำเดือน” ดังนั้น จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าโทรศัพท์จึงต้องรับผิดชำระค่าบริการในการพูดโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศที่มีผู้พูดจากเครื่องโทรศัพท์ที่จำเลยเป็นผู้เช่า ไม่ว่าจำเลยจะเป็นผู้พูดเองหรือไม่ ทั้งนี้ตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น
การที่จำเลยได้โอนโทรศัพท์หมายเลข 277-7083 ให้นางทองพรรณไปแล้วนั้น แม้ตามระเบียบปฏิบัติงานขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยว่าด้วยการโอนสิทธิการเช่าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องพ.ศ. 2521 เอกสารหมาย จ.21 ข้อ 5.1.7 จะได้ระบุไว้ว่าผู้ขอรับโอนต้องชำระหนี้สินให้เสร็จสิ้นก่อนการโอน หากมีหนี้สินผูกพันผู้ขอรับโอนจะต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วยก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงตามที่จำเลยนำสืบมาไม่ได้ความว่า ขณะโอนนางทองพรรณผู้ขอรับโอนได้ยอมรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันกับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวด้วยฉะนั้น ความรับผิดในหนี้สินที่ผูกพันกับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวที่เกิดขึ้นก่อนมีการโอน ย่อมผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดอยู่ หาได้โอนไปยังนางทองพรรณตามที่จำเลยฎีกาไม่ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ประมาทเลินเล่อปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่โจทก์วางไว้ จึงเป็นเหตุให้มีการใช้บริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ค่าบริการที่เกิดขึ้นต่อโจทก์นั้น เห็นว่า การเก็บเงินค่าใช้บริการนั้นโจทก์ได้ประกาศวางเป็นข้อบังคับไว้ตามเอกสารหมาย จ.7 ว่าการสื่อสารแห่งประเทศไทย (โจทก์) จะส่งใบแจ้งหนี้การใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศให้ผู้ใช้บริการทราบเดือนละ 1 ครั้งโดยทางไปรษณีย์ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องนำใบแจ้งหนี้ไปชำระค่าบริการให้กับการสื่อสารแห่งประเทศไทยภายในเวลาที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้ไปให้องค์การโทรศัพท์ฯช่วยเรียกเก็บเงินค่าพูดโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากผู้ใช้บริการไม่การที่โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้และหนังสือเตือนไปยังบ้านเลขที่ 74/69ตลอดมานั้น ก็เพราะจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าโทรศัพท์หมายเลข 277-7083เป็นผู้ให้องค์การโทรศัพท์ฯ ติดตั้งโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวไว้ที่บ้านเลขที่ 74/69 ในนามของจำเลยและจำเลยทราบแล้วตามใบแจ้งหนี้เอกสารหมาย จ.15 แผ่นที่หนึ่งประจำเดือนมกราคม 2526นั้น โจทก์กำหนดให้ชำระหนี้ภายในวันที่ 18 มีนาคม 2526 เมื่อพ้นกำหนดผู้ใช้บริการยังมิได้นำเงินมาชำระโจทก์ก็ต้องระงับการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศไว้จนกว่าจะได้นำเงินมาชำระครบถ้วนจึงให้เปิดรับการพูดต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามข้อบังคับที่โจทก์วางไว้และในการตรวจสอบว่าผู้ใช้บริการ (ลูกหนี้) ชำระหนี้ให้หรือไม่นี้ ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนางสาวอัจฉรา บุญสาใจพยานโจทก์ว่าจะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดประมาณเดือนครึ่ง จึงจะทราบว่ามีการชำระเงินหรือไม่ ฉะนั้น สำหรับคดีนี้ภายในเดือนเมษายน2526 โจทก์น่าจะทราบว่าผู้ใช้บริการไม่ชำระหนี้ แต่โจทก์กลับปล่อยทิ้งไว้ให้มีการใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจนกระทั่งถึงเดือนกรกฎาคม 2526 รวมเป็นเงินถึง 46,522.90 บาทการที่ค่าบริการของโจทก์ค้างอยู่เป็นเงินจำนวนมากเช่นนี้ก็เพราะเจ้าหน้าที่ของโจทก์ละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับที่วางไว้ดังกล่าวจำเลยจึงควรรับผิดชำระหนี้ค่าใช้บริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศให้โจทก์เฉพาะค่าบริการในเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2526เป็นเงินจำนวน 33,600 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 15 ตุลาคม 252เท่านั้น นับแต่เดือนพฤษภาคม 2526 เป็นต้นไป ถือว่าโจทก์เป็นผู้ผิดในความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ตน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าบริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 33,600 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 15 ตุลาคม2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share