คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3346/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาก่อนสมรสที่ผู้ร้องและจำเลยทำขึ้นมีข้อความว่า ให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนสมรสตกเป็นสินสมรสนั้น เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องและจำเลยมิได้จดแจ้งข้อความอันเป็นสัญญาก่อนสมรสไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรส หรือมิได้ทำสัญญาก่อนสมรสเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อยสองคนแนบไว้ท้ายทะเบียนสมรส และได้จดไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรสว่าได้มีสัญญานั้นแนบไว้ สัญญาก่อนสมรสดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466เมื่อทรัพย์สินดังกล่าวถูกโจทก์ยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอกันส่วนของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งหกชำระเงิแก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งหกไม่ชำระ โจทก์จึงนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่2450 อันเป็นกรรมสิทธิ์รวมของจำเลยทั้งหกซึ่งได้จำนองเป็นประกันหนีจำเลยที่ 1 มาเพื่อขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2 มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินที่โจทก์นำยึดในส่วนของจำเลยที่ 2 ด้วย ผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยในการกู้เงินตามฟ้องและมิได้เป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ขอให้กันส่วนของผู้ร้องหนึ่งในสิบสองส่วน
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ก่อนทำการสมรส ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญากันว่าทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนสมรสให้ตกเป็สินสมรสนั้น ปรากฏว่าสัญญาดังกล่าวได้ทำขึ้นก่อนจดทะเบียนสมรสโดยไม่ได้นำไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องมิได้จดแจ้งข้อความอันเป็นสัญญาก่อนสมรสไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรสหรือมิได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อยสองคนแนบไว้ท้ายทะเบียนสมรสและได้จดไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรสว่าได้มีสัญญานั้นแนบไว้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466 สัญญาก่อนสมรสย่อมตกเป็นโมฆะ ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขอกันส่วนที่ดินที่โจทก์นำยึด
พิพากษายืน.

Share