แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการขายทอดตลาดออกไป เพื่อที่จำเลยจะได้หาเงินมาชำระให้แก่โจทก์นั้น มิใช่กรณีที่จำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึดโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างใด จึงนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมาตราดังกล่าวเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนั้น เมื่อจำเลยขอเลื่อนการขายทอดตลาด ภายหลังศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้ขายทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาต ปัญหาว่า มีผู้ประมูลซื้อเพียงรายเดียวและซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนนั้น เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดี ได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ขายแก่ ส. จำเลยยื่นคำร้องในวันเดียวกันนั้น ขอให้เลื่อนการขายทอดตลาดทรัพย์ไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อวันที่ 22กรกฎาคม 2529 จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึดเพื่อจะได้หาเงินมาชำระให้แก่โจทก์ศาลชั้นต้นสั่งว่า “สำเนาให้โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีเรียกสอบ” และได้ความจากรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 22 กรกฎาคม2529 ว่า “วันนี้นัดขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานว่ามีการขายทอดตลาดและมีผู้ซื้อทรัพย์ 1 ราย ให้ราคา 10,000 บาท ฯลฯจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้เลื่อนการขายเพราะจำเลยที่ 1 จะชำระหนี้ให้โจทก์ สอบโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ฯลฯ เจ้าพนักงานบังคับคดีแถลงว่า ได้ดำเนินการขายทอดตลาดตั้งแต่ 10 นาฬิกาและเสร็จสิ้นตั้งแต่เวลา 10.10 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีภายหลัง ฯลฯ พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องหลังจาขายทอดตลาดเสร็จแล้ว จึงอนุญาตให้เลื่อนไม่ได้ ให้ยกคำร้อง” นั้นเห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการขายทอดตลาดออกไป เพื่อที่จำเลยที่ 1 จะได้หาเงินมาชำระให้แก่โจทก์นั้น จำเลยที่ 1 ไม่ได้อ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึดโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างใด จึงไม่มีปัญหาที่ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยให้ คดีคงมีปัญหาเพียงประการเดียวว่าจะให้เลื่อนการขายทอดตลาดออกไปตามคำร้องของจำเลยที่ 1 หรือไม่เท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนการขายทอดตลาด ภายหลังศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้ขายทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เลื่อน เพราะการขายทอดตลาดเสร็จสิ้นไปแล้ว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตและให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 จึงชอบแล้วที่จำเลยที่ 1 ฎีกาอ้างมาตรา 296วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับในเรื่องนี้นั้น เห็นว่า มาตราดังกล่าวเป็นบทบัญญัติในเรื่องที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติกฎหมายเมื่อคำร้องของจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติกฎหมายอย่างใด จึงนำมาตรา 296 วรรคสอง มาใช้บังคับในคดีนี้ไม่ได้และไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1ด้วย การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนจึงชอบแล้ว ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาอ้างว่ามีผู้ประมูลซื้อเพียงรายเดียวและซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง จึงขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนนั้น เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวจำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในคำร้องฉบับลงวันที่ 22 กรกฎาคม2529 ซึ่งยื่นต่อศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้ ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน.