แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หนังสือมอบอำนาจระบุว่าบริษัทโจทก์โดย ว. และ ณ.กรรมการเป็นผู้มอบอำนาจให้ฟ้อง แต่ตอนท้ายของหนังสือมอบอำนาจกลับปรากฏว่า ว.ร่วมกับอ. กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ฟ้อง เมื่อตามหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครระบุว่า กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนโจทก์คือ ว. ลงลายมือชื่อร่วมกับ ก.หรือคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอีกคนหนึ่งและต้องประทับตราสำคัญของโจทก์ ดังนั้นการที่ ว. ลงลายมือชื่อร่วมกับ อ. กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์และประทับตราสำคัญของโจทก์จึงถือได้ว่าการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์สมบูรณ์แล้ว แม้ ณ.จะไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 46,800 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์ชำระค่าเสียหายจนถึงวันฟ้องเป็นเงินอีก 2,632.50 บาท และดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยที่ 1ให้การว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้นายสมชาย จันทร์วานิชสกุลเป็นผู้ดำเนินคดีแทนขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์กระบะ เหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทของนายสวิง ไพโรจน์แต่ฝ่ายเดียว จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์มิได้มอบอำนาจให้นายสมชาย จันทร์วานิชสกุล เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทน จำเลยที่ 2รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์หมายเลขทะเบียน น-5327 เพชรบูรณ์ ไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัดสันติมอเตอร์ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชอบแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งมิใช่ผู้เอาประกันภัย เหตุเกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทของนายสวิง ไพโรจน์ ฝ่ายเดียว ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 30,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน2524 จนถึงวันที่ชำระเสร็จให้แก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสียจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีประเด็นขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ในประเด็นเรื่องอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ไม่สมบูรณ์เพราะข้อความในหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 ระบุว่า โจทก์โดยนายวิชิต เทศรัตนวงศ์ ร่วมกับนายณรงค์ พ่อค้า กรรมการ เป็นผู้มอบอำนาจให้ฟ้อง แต่ในตอนท้ายของหนังสือมอบอำนาจกลับปรากฏว่า ผู้ที่ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ฟ้องคือนายวิชิต เทศรัตนวงศ์ ร่วมกับนายอาณัติ บุญสุทธิ กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์นั้น เห็นว่า ตามหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเอกสารหมาย จ.1 ระบุว่ากรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ คือนายวิชิต เทศรัตนวงศ์ลงลายมือชื่อร่วมกับนางเกศนี อนิวรรตนกุล หรือคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอื่นอีกหนึ่งคน และต้องประทับตราสำคัญของบริษัท ดังนั้น การที่นายวิชิต เทศรัตนวงศ์ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์ คือนายอาณัติบุญสุทธิ และประทับตราของบริษัทโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 จึงถือได้ว่าเป็นการที่นายวิชิต เทศรัตนวงศ์ และนายอาณัติ บุญสุทธิ ได้มอบอำนาจให้ฟ้องในนามของบริษัทโจทก์การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์จึงสมบูรณ์ แม้นายณรงค์ พ่อค้ากรรมการไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจดังที่ระบุไว้ในตอนต้นของหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 ก็ตาม”
พิพากษายืน