แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีน และมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยมิได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้แบ่งบรรจุเฮโรอีน การที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าพยานโจทก์ไม่มีโอกาสมองเห็นการกระทำของจำเลยที่ 1พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แบ่งบรรจุเฮโรอีนและจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ 1 คงมีความผิดเพียงมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อเสพสถานเดียว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ และเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันผลิตเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 โดยการแบ่งบรรจุเฮโรอีนดังกล่าวจากหลอดบรรจุชนิดหลอดพลาสติกลงสู่หลอดดูดเครื่องดื่มตัดสั้นจำนวน 3 หลอด หนัก 0.12 กรัมเพื่อจำหน่ายจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวน5 หลอด หนัก 0.64 กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนจำนวน 3 หลอด หนัก 0.12 กรัมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเฮโรอีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตและมีไว้เพื่อจำหน่าย ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 ริบของกลาง จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การปฏิเสธจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธข้อหาผลิตเฮโรอีน แต่รับสารภาพข้อหามีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65 วรรคแรก,66 วรรคแรก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ความผิดฐานผลิตและฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวกันให้ลงโทษฐานผลิตซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกตลอดชีวิตกระทงหนึ่งและฐานจำหน่ายจำคุกคนละ 5 ปี กระทงหนึ่ง ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2หนึ่งในสาม ลดโทษให้จำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1และที่ 2 กระทงแรกคนละ 33 ปี 4 เดือน กระทงหลังคนละ 3 ปี 4 เดือนรวมเป็นคนละ 36 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 จำคุกกระทงแรก 25 ปีกระทงหลัง 2 ปี 6 เดือน รวม 27 ปี 6 เดือน ริบของกลาง จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนและมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนอันเป็นความผิด และลงโทษจำเลยทั้งสาม จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์เฉพาะข้อหาฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีนว่า การที่จำเลยที่ 3 แบ่งเฮโรอีนเทใส่ฝาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้น ก็เพื่อให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 สามารถเสพยาเสพติดได้เท่านั้น มิได้มีเจตนาที่จะผลิตเฮโรอีน ทั้งปริมาณยาเสพติดมีน้ำหนักเพียง 0.64 กรัม ไม่ถึง 20 กรัม ย่อมไม่อาจถือได้ว่าเป็นการแบ่งบรรจุโดยมีเจตนาที่จะผลิตเพื่อจำหน่าย และการกระทำของจำเลยทั้งสามที่ได้แบ่งบรรจุเฮโรอีนลงในหลอดกาแฟก็เป็นการกระทำเพื่อสะดวกแก่การจำหน่ายเท่านั้น จึงขอให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันผลิตเฮโรอีน คงลงโทษเฉพาะฐานร่วมกันจำหน่ายเท่านั้น โดยจำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้แบ่งบรรจุเฮโรอีนดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า พยานของโจทก์ 2 ปาก คือ พลตำรวจอำพล พลอยเลิศล้อม กับจ่าสิบตำรวจโกวิท สุขสำราญ เบิกความแตกต่างขัดแย้งและหักล้างกันเองในเรื่องการเห็น ทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นคูน้ำยกร่องลึก 1 เมตร กว้าง 2 เมตร มีต้นกล้วยขึ้นปิดบังไปทั่วบริเวณ พยานโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีโอกาสมองเห็นการกระทำของจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1แบ่งบรรจุเฮโรอีนและจำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ 1 คงมีความผิดเพียงมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อเสพเพียงสถานเดียว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ และเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว ไม่มีเหตุที่จะรับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 1