คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 จัดหารถจักรยานยนต์ให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2ใช้ขับขี่ไล่ยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยที่ 3 ยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการ เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายเพื่อขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ เพราะมีโทษเบากว่าตัวการตามที่โจทก์ฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 1 กับที่ 3 ให้การปฏิเสธระหว่างพิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 1 ต้องโทษประหารชีวิตในคดีอื่นศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘คดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 3 ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตในคดีอื่น ศาลชั้นต้นจึงจำหน่ายคดีจำเลยที่ 1 เฉพาะคดีนี้ชั่วคราวจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพและคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ข้อเท็จจริงฟังได้เบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่ที่โจทก์กล่าวหา จำเลยที่ 2 ร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงนายชาญชัย วงษ์มณี นางมาลี ต๊ะเฉียง นางราตรี วงษ์มณี นายศักดิ์ชัย วงษ์มณี กับนายอามิน วงษ์มณี ผู้เสียหาย ขณะพวกผู้เสียหายดังกล่าวนั่งรถยนต์กระบะกลับจากซื้อกระบือและบรรทุกกระบือมาด้วย กระสุนปืนถูกนายชาญชัย วงษ์มณี ที่ไหล่ขวา ถูกนางมาลีต๊ะเฉียง ที่บริเวณคิ้ว เป็นเหตุให้ตาบอดทั้งสองข้างปรากฏผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องจริง มีข้อวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกกระทำผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ ได้ความจากนางสุวัฒนา วัลลภศิริ พยานโจทก์และเป็นภรรยาของจำเลยที่ 1 ว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2526 จำเลยที่ 1 ชวนพยานกับจำเลยที่ 2 ซึ่งพักอยู่กับจำเลยที่ 1 ไปเที่ยวจังหวัดกำแพงเพชรด้วยรถยนต์กระบะของจำเลยที่ 1หมายเลขทะเบียน น-7005 ลพบุรีครั้นถึงจังหวัดกำแพงเพชร จำเลยที่1 ที่ 2 ได้ไปพบนายเผชิญที่บริเวณบ้านพักของแขวงการทางจังหวัดกำแพงเพชรก่อน จากนั้นจึงไปพบจำเลยที่ 3 ที่วังเจ้าจังหวัดตากเพื่อให้จำเลยที่ 3 จัดหารถจักรยานยนต์ให้ วันรุ่งขึ้นจำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ไปให้จำเลยที่ 1 ดู แต่จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ไปให้ช่างตรวจซ่อมให้มีสภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความนายจำลองโพธิบัลลังค์ พยานโจทก์ว่าจำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิสีแดง ไปให้พยานเปลี่ยน โซ่ สเตอร์ ให้เล็กลง เพื่อให้รถจักรยานยนต์มีความเร็วสูงมากขึ้นกว่าเดิม และได้ความจากคำให้การนายชาญชัย วงษ์มณี ผู้เสียหายในชั้นสอบสวนซึ่งไม่ได้ตัวมาสืบและร้อยตำรวจตรีธนู พูลสุข กับพันตำรวจตรีพิทักษ์สุวรรณ พนักงานสอบสวนเบิกความรับรองว่านายชาญชัย วงษ์มณี ได้ให้การไว้ถูกต้องตามเอกสารหมาย ป.จ.20 ว่า ก่อนวันเกิดเหตุนายชาญชัย ได้เห็นรถยนต์กระบะสีฟ้าหมายเลขทะเบียน น-7005 ลพบุรีขับมาสังเกตดูพวกผู้เสียหาย นายชาญชัยจึงบอกพวกผู้เสียหายอื่นให้ระมัดระวังตัว จนกระทั่งวันเกิดเหตุขณะนายชาญชัยขับรถยนต์กระบะพาพวกผู้เสียหายกลับจากซื้อกระบือ ระหว่างทางได้มีรถยนต์กระบะคันดังกล่าวแล่นแซงขึ้นหน้าไป นายชาญชัยพยายามสังเกตดูรถคันนั้นก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ซึ่งเหตุการณ์ตอนนี้ต่อเนื่องคำเบิกความนางสุวัฒนาพยานโจทก์ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะแซงรถยนต์กระบะสีฟ้า จนไปทันจำเลยที่ 3 ที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ จำเลยที่ 1 ร้องเรียกให้จำเลยที่ 3 หยุดและได้ไปขับขี่รถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 3 มีจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้ายขับขี่ไปโดยเร็ว และได้ยินจำเลยที่ 1 พูดจากับจำเลยที่ 3 ว่า ‘ไม่รู้ว่าจะใช่หรือเปล่า’กับให้จำเลยที่ 3 ขับรถยนต์กระบะพานางสุวัฒนาไปรอที่ท่ารถบริษัทขนส่ง เมื่อนางสุวัฒนาไปถึงและรอที่ท่ารถได้สักครู่ จำเลยที่ 1 กับที่ 2 ก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามไปพบจากนั้นจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้เปลี่ยนมาขึ้นรถยนต์กระบะ จำเลยที่ 3 ไปขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วแยกกันกลับบ้านต่อมาในคืนเดียวกัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจับกุมและสอบปากคำนางสุวัฒนาตามเอกสารหมาย ป.จ. 2 ซึ่งจากคำให้การนางสุวัฒนานี้เองเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถจับกุมจำเลยที่ 3ได้พร้อมรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิสีแดงที่จำเลยที่ 1 ที่ 2ใช้เป็นยานพาหนะกระทำผิดนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 คงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 กับพวกได้ใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวติดตามไล่ยิงพวกผู้เสียหายและมีนางสุวัฒนาพยานโจทก์เบิกความสนับสนุนรู้เห็นถึงยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิดตั้งแต่เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไปพบจำเลยที่ 3 ให้จัดหารถจักรยานยนต์ให้ ครั้นจำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ไปให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ดู จำเลยที่ 1 ยังให้จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์กลับไปให้ช่างปรับปรุงสภาพของรถเสียใหม่นายจำลองโพธิบัลลังค์ พยานโจทก์และเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวก็รับว่าได้ดัดแปลงเพื่อให้รถมีความเร็วสูงกว่าเดิมจำเลยที่ 2 กับพวกจึงได้ใช้รถจักรยานยนต์ดังกล่าวไปกระทำผิดคดีนี้ โดยจำเลยที่ 3 คงขับรถยนต์กระบะของจำเลยที่ 1พานางสุวัฒนาไปรอที่ท่ารถบริษัทขนส่งเท่านั้น คำเบิกความนางมาลี ต๊ะเฉียง กับคำให้การนายชาญชัยและนายอามินปรากฏตามเอกสารหมาย ป.จ. 20 และ ป.จ. 21 ต่างยืนยันว่า คนร้ายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์คือ จำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 ที่นั่งซ้อนท้ายเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย พยานหลักฐานจำเลยที่ 3 ที่นำสืบว่าไม่ได้กระทำผิดและอ้างฐานที่อยู่ ไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ เชื่อว่าจำเลยที่ 3 ได้เข้าอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 กับพวกในการกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการเช่นจำเลยที่ 2 คงมีฐานะเพียงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดเท่านั้น แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายเพื่อขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดคดีนี้ ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 3 ฐานเป็นผู้สนับสนุนตามที่โจทก์ฟ้องนี้ได้ เพราะความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนมีโทษเบากว่าการกระทำผิดของจำเลยที่ 2 ที่เป็นตัวการตามที่โจทก์ฟ้อง…
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 86 ให้ลงโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนมีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 22 ปี2 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์’.

Share