คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3997/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กรณีที่ศาลพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง อันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ว่าคู่ความไม่ได้ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องโดยกล่าวบรรยายฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4แต่เพียงว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 83 พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชนพ.ศ. 2526 มาตรา 14, 15
จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 267, 83 พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 14, 15การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ฐานแจ้งเจ้าพนักงานให้จดข้อความอันเป็นเท็จซึ่งเป็นบทหนักที่สุดลงโทษจำคุกคนละ 8 เดือน จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกคนละ 4 เดือน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาด้วยว่า จำเลยที่ 2, ที่ 3, ที่ 4มีความผิดตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 14, 15 นั้นเห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3, ที่ 4 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย จึงเป็นกรณีที่ศาลพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องอันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรกปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ว่าคู่ความไม่ได้ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 14 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุดตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526มาตรา 14 จำคุก 8 เดือน จำเลยที่ 2, ที่ 3, ที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 267 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 เดือน จำเลยที่ 2, ที่ 3, ที่ 4 จำคุกคนละ 3 เดือน ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2, ที่ 3, ที่ 4 ในความผิดตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มาตรา 14, 15

Share