คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกนำสุรามานั่งดื่มที่เพิงพักหน้าบ้านผู้เสียหายเพื่อดักปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย จำเลยจึงย่อมจะทราบดีว่าพวกของจำเลยมีอาวุธปืนมาด้วย เมื่อผู้เสียหายขับรถมาถึงและลงจากรถ จำเลยก็ใช้ท่อนไม้ตีผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายเปิดประตูหนีเข้าไปในรถจำเลยไม่ได้ตามเข้าไปปลดทรัพย์ทันทีโดยให้พวกจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 2 นัดก่อน จนผู้เสียหายล้มลงนอนในรถ จำเลยจึงเข้าไปปลดทรัพย์ผู้เสียหายแล้วพากันขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไปพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์และเพื่อเอาทรัพย์นั้นไป เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์และพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(6)(7),80 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 80, 340, 340 ตรี, 83ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ14, 15 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้องลงโทษตามมาตรา 289, 80 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 289, 80 คงมีความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่, 340 ตรี ให้จำคุก 24 ปี ลดโทษตามมาตรา 78หนึ่งในสามคงจำคุก 16 ปี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีได้ความจากคำเบิกความของนางอุษาบุญรอด ภรรยาผู้เสียหาย และแผนที่สังเขปว่า หลังเกิดเหตุแล้วได้ตรวจพบขวดสุราวางอยู่บนโต๊ะหน้าบ้านผู้เสียหาย ชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าได้นำสุรามาดื่มกับนายเล็ก หรือยุทธ และนายเสน่ห์ หรือเน่ห์ที่เพิงพักหน้าบ้านผู้เสียหาย นายเล็กหรือยุทธบอกจำเลยว่ามีคนให้มาดักทำร้ายและเอาสร้อยคอผู้เสียหายข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกได้มาดื่มสุราดักรอทำร้ายผู้เสียหายเพื่อจะเอาสร้อยคอ จำเลยจึงย่อมจะทราบดีว่าพวกของจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย นอกจากนี้พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบก็ได้ความว่า เมื่อผู้เสียหายลงจากรถยนต์ทางประตูด้านขวาแล้ว จำเลยก็ใช้ท่อนไม้ตีผู้เสียหาย 1 ที ครั้นผู้เสียหายเปิดประตูหนีเข้าไปนั่งในรถโดยกระจกรถยังเปิดอยู่ จำเลยก็หาได้ตามเข้าไปปลดเอาทรัพย์ของผู้เสียหายในทันทีไม่ แต่ปล่อยให้พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทางประตูรถด้านขวาก่อน2 นัด เมื่อผู้เสียหายล้มลงนอนในรถ จำเลยจึงเข้าไปปลดเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย ทั้งขณะที่จำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนและสอบสวนนครบาลใต้จับกุมจำเลยก็ให้การรับสารภาพว่าจำเลยมีหน้าที่ใช้ไม้ตีและปลดทรัพย์ผู้เสียหาย ส่วนพวกของจำเลยมีหน้าที่ยิงผู้เสียหายและขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ และเพื่อเอาทรัพย์นั้นไป เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6)(7), 80ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ในฐานความผิดดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(6)(7), 80, 83, 340 วรรคสี่, 340 ตรี ให้ลงโทษตามมาตรา 289(6)(7), 80 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 วางโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยเหตุที่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยถูกดำเนินคดีนี้ก็เนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยในคดีอื่นซึ่งเหตุเกิดที่จังหวัดชลบุรี แล้วจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดคดีนี้ด้วย เป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงมีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบด้วยมาตรา 53 คงจำคุกจำเลย 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share